ควันบุหรี่บนภาพเขียน
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
|
หากว่าการไปทำข่าวการประกวดงานศิลปะที่มีสปอนเซอร์หลักเป็นบริษัทบุหรี่ นั่นคือการส่งเสริม ฉันก็ถือได้ว่าเป็นผู้หนึ่งที่เข้าข่ายส่งเสริมให้บริษัทบุหรี่คืนกำไรให้สังคม ด้วยการสนับสนุนกิจกรรมด้านศิลปะมาไม่น้อยครั้ง
ส่วนตัวฉันไม่ส่งเสริมให้คนสูบบุหรี่ และไม่อยากนั่งใกล้คนที่สูบบุหรี่ เพราะนอกจากจมูกจะส่งสัญญาณบอกว่ามัน เหม็น และเรียนรู้มาว่าบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีคนที่รู้จักมักคุ้นเสียชีวิตเพราะบุหรี่ไปก็ไม่น้อย และในจำนวนนั้นเป็นผู้ที่คลุกวงในวงการศิลปะ
เคยตั้งคำถามกับคนอื่นๆเหมือนกันว่า คุณยังจะสูบบุหรี่อยู่ทำไม ในเมื่อรู้อยู่ว่ามันทำให้ปอดดำหรืออาจทำให้ตายได้ และตั้งคำถามกับบางคนว่าเหตุใดกันหนอ ประเทศของเราถึงปล่อยให้มีบุหรี่วางขายกันได้อยู่
แต่ยอมรับว่ายังไม่เคยตั้งคำถามสักครั้งเลยว่า สมควรหรือไม่ที่บริษัทบุหรี่จะใช้กลยุทธ์สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้บริษัท ด้วยการปันเงินคืนกำไรให้สังคมส่วนหนึ่ง มาใช้เป็นงบสำหรับสนับสนุนการประกวดงานศิลปะ
ทุกครั้งที่ไปทำข่าวการประกวดศิลปะของน้องๆที่ได้รับรางวัล ก็สนใจเพียงว่า ใครจะได้รับรางวัลและเขานำเสนองานของเขาอย่างไร เหตุใดถึงชนะใจกรรมการ
มาวันนี้เมื่อมีกลุ่มผู้รณรงค์ต่อต้านบุหรี่ ในนาม มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ นอกจากรณรงค์ในด้านอื่นแล้ว ยังได้รุกเขตแดนมารณรงค์ต่อต้านห้ามบริษัทบุหรี่ ส่งเสริมกิจกรรมด้านศิลปะด้วย ฉันเองก็ได้หันมาหยุดคิดกับเขาบ้างเหมือนกันว่า จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่สมควร
ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดหรอกค่ะ ยังคลุมเครืออยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่ากำลังนึกไปถึง ศิลปินใหญ่หลายท่านที่เคยถูกเชิญไปเป็นประธาน เป็นกรรมการตัดสิน ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาให้กับการประกวดศิลปะในนามบริษัทบุหรี่ ท่านมองเรื่องนี้ว่าอย่างไร
ขณะเดียวกันก็นึกไปถึงคำตอบของคนในแวดวงศิลปะที่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผู้รณรงค์ไม่ให้บริษัทบุหรี่สนับสนุนงานศิลปะ ที่ตอบคำถามของฉันที่ถามว่า แล้วทำไมคนรณรงค์ถึงยังสูบบุหรี่อยู่หล่ะ ซึ่งฉันก็ได้รับคำตอบว่า เราต่อต้านไม่ให้บริษัทบุหรี่สนับสนุนงานศิลปะ แต่เราไม่ได้ต่อต้านคนสูบบุหรี่ ตรงนี้เองนี่แหล่ะในความคิดฉัน ที่ฟังดูแล้วมันดูจะขัดๆกันอยู่
|
ฉันนึกไปถึงน้องๆหลายคนที่คว้ารางวัลการประกวดศิลปะโดยเวทีประกวดของบริษัทบุหรี่ จนวันนี้บางคนก็ยังโทรมาชวนให้ไปดูนิทรรศการแสดงศิลปะของเขาอยู่ เรื่อยๆ
พวกเขาคงคิดไม่ต่างกัน ส่งงานประกวด ก็เพื่อหวังว่าจะได้ทดสอบสายตากรรมการ และหวังว่าจะได้รับรางวัลไปเป็นทุนในการทำงานศิลปะต่อ ในขณะที่ชื่อของพวกเขายังไม่เป็นที่คุ้นหูหรือต้องใจนักสะสมงานศิลปะ เหมือนเช่นศิลปินรุ่นพี่หลายๆคน ที่สะสมคะแนนนิยมล่วงหน้าไปแล้วหลายไมล์ ซึ่งอาจจะด้วยเพราะ ฝีมือ หรือว่า การประชาสัมพันธ์ตัวเอง ให้เป็นที่รู้จัก ก็ตามแต่
เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการก่อการร้ายนั้นมีหลายรูปแบบ ขณะที่ฝ่าย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รณรงค์มองว่าสังคมควรจะร่วมกันเช็คบิล ห้ามบริษัทบุหรี่ ไม่ให้สนับสนุนการประกวดศิลปะ แล้วบริษัทข้ามชาติอื่นหล่ะ ที่ไม่ได้ปรากฏตัวในนามบริษัทบุหรี่ แต่ปรากฏตัวในนามบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายอบายมุขอย่างอื่น และก็อาจมีวิธีสร้างภาพลักษณ์ให้บริษัทให้สินค้าของตัวเอง ด้วยการนำงานศิลปะไปเป็นกับแกล้มชนิดหนึ่ง
จะไม่มีสักคนเลยหรือที่อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า นั่นก็คือการก่อร้ายชนิดหนึ่งนะ อาจไม่ทำให้ปอดดำ เป็นมะเร็งในปอดตาย แต่ก็ก่อรูปให้พลเมืองของสังคม มีกิเลสเพิ่มมากขึ้นได้ ซึ่งก็เป็นการตายทางอ้อมได้เหมือนกัน
ก็อย่างที่ทราบกันอยู่ งบประมาณสำหรับการส่งเสริมด้านศิลปะ โดยรัฐบาลของเราเอง มันช่างน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับการส่งเสริมทางด้านอื่น ที่เราสามารถควักจ่ายได้โดยเต็มใจเพื่อให้เราดูทัดเทียมกับชาติอื่น
แม้ว่าในบางครั้งมันจะเป็นเหมือนกันตำน้ำพริกละลายแม่น้ำด้วยซ้ำ แถมการทำแล้วได้ไม่ไม่เกิดผลสำเร็จคนที่เกี่ยวข้องเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำ เพราะอย่างน้อยเราก็ถือว่าเราได้ทำ ในแบบที่ชาติอื่นเขาทำ เราไม่เชย เราไม่ตกยุคก็เป็นพอ เสียน้ำตาวันนี้ วันหน้าเราก็ยอมที่จะบีบน้ำตาออกมาใหม่ อีกครั้งและอีกครั้ง
แต่กับงานศิลปะ ไม่ต้องถึงกับบีบน้ำตาหรอก ต้องบอกว่าเราเหลียวแลกันน้อยเกินไปด้วยซ้ำ และไอ้การเหลียวแลที่เห็นกันๆอยู่ฉันมองว่าบางครั้งมันก็เป็นฉากๆหนึ่งเท่านั้น
แล้วจะไม่ให้นักศึกษาศิลปะสร้างผลงานวิ่งโล่ไปร่วมแจมกับเวทีประกวดต่างๆในนามการสนับสนุนโดยเอกชน ที่จัดประกวดแล้วดูท่าว่าจะมีมาตรฐานกว่า เอาจริงกว่า และได้รางวัลมากกว่าได้อย่างไร
|
เอาเฉพาะในแง่ของงานทัศนศิลป์ ศิลปินรุ่นใหม่ในบ้านเราแจ้งเกิดจากเวทีประกวดของบริษัทบุหรี่หลายคน ไม่ใช่เวทีเล็กๆ เสียด้วย เพราะการประกวดแต่ละครั้งในใช้ชื่อว่า ASEAN ART AWORDS ซึ่งฟังแล้วก็ยิ่งใหญ่เหมือนกับเป็นทุกคนชาติในอาเซียนร่วมใจกันส่งผลงานมาประกวด เชื่อแน่ว่าคนที่ไม่เคยรู้ว่า การประกวดศิลปกรรมแห่งชาติ(เวทีระดับประเทศที่มีมาเป็นครั้งที่ 51 แล้ว) และ ASEAN ART AWORDS (ที่สนับสนุนในนามบริษัทบุหรี่) มีที่มาที่ไปอย่างไร ก็คงอาจคิดไปได้เหมือนกันว่า ASEAN ART AWORDS มันดูจะศักดิ์สิทธิ์กว่า และเรียกเสียงอุทาน อื้อหือ เก่งจัง ได้ดังกว่า
ถ้าผู้ปรารถนาดีมองว่า การสนับสนุนของบริษัทบุหรี่ผ่านงานศิลปะ เป็นสิ่งที่ต้องต่อต้าน เราก็ต้องหาคำมาอธิบายให้ชัดเจนแก่พวกเขาด้วยว่า ทำไม เพราะอะไร เพราะไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นว่า พวกเราได้ตัดช่องทางการเจริญเติบโตของศิลปินรุ่นใหม่ ซึ่งต้องอาศัยทุนรอนจากรางวัลที่คิดว่าจะได้
อย่าว่าแต่การส่งเสริมงานศิลปะประเภทงานทัศนศิลป์เลย บริษัทบุหรี่เองก็เคยคืนกำไรให้สังคมผ่านงานด้านวัฒนธรรมมาแล้วเช่นกัน และดูเหมือนว่ากระทรวงวัฒนธรรมของเราก็ชื่นมื่นกันดี ไม่มีใครต้องวิตกว่าการจับมือประสานกันกับบริษัทบุหรี่ เพื่อเอาเงินมาช่วยกันสนับสนุนด้านวัฒนธรรมมันจะดูเป็นการไม่ดี
แม้ว่าในความเป็นจริง พลังขับเคลื่อนในกิจกรรมดีๆ หลายๆอย่างในบ้านเรา เกิดจากภาคเอกชนมากกว่าภาครัฐด้วยซ้ำ แต่ในการที่จะยับยั้งหรือสนับสนุนอะไร อย่างไรก็ตามพวกเราในฐานะพลเมือง ก็หนีไม่พ้นที่อยู่ใต้กฎระเบียบ และการบัญชาการสั่งลงมาของเบื้องบน
ซึ่งเบื้องบนในที่นี่ฉันหมายถึงไล่ลงมาตั้งแต่ ท่านผู้บริหารประเทศ เจ้ากระทรวงที่ต้องรับผิดชอบ ตลอดจนถึงผู้หลักใหญ่ ตลอดจนผู้รู้ในแวดวงศิลปะ ที่เสียงของพวกท่านซึ่งเปล่งออกจากปากนั้น มีอำนาจพอที่จะกำหนดทิศทางที่ถูกที่ควรให้แก่วงการศิลปะ
หากเห็นว่าการที่เราปล่อยให้ควันบุหรี่ ลอยฟุ้งอยู่เหนือภาพเขียนต่อไป จะไม่เป็นการทำลายให้ภาพเขียนสีถลอก หรือเฟรมผุพัง ก็หาคำมาชี้แจงบอกพลเมืองของเรากัน และหลายๆคนที่กำลังสับสนอยู่ท่ามกลางความคลุมเครือจะได้กระจ่างเสียทีว่า
มิตรแบบไหนกันแน่ที่เราควรเปิดประตูรับหรือปิดประตูกั้น
|