แกลลอรี่คนจน
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
แล้วห้องนอนเล็กๆ ของฉันก็เป็นได้มากกว่าที่ซุกหัวนอน
พื้นที่เพียงไม่กี่เท้าก้าว ที่ต่อไปนี้ จะไม่ได้มีไว้ เพื่อรองรับแค่กองหนังสือ
ตู้เสื้อผ้า ทีวี หรือเตียงนอนเท่านั้น
เพราะฉันได้แบ่งสันปันส่วน ให้มันเป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะในแบบที่ฉันชอบด้วยหน่ะสิ
คุณๆผูกพันกับห้องนอนของตัวเองมากขนาดไหนคะ
โดยเฉพาะคนที่จากบ้านมาไกล เพื่อมาเรียน ทำงาน และใช้ชีวิตในเมืองหลวง
ว่าไหมคะ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดฯ อพาทเม้นท์ หอพัก หรือแค่ห้องเช่า มันก็เปรียบได้กับบ้านหลังหนึ่งของเรานั่นเอง
ช่วงที่เป็นนักศึกษา น้อยครั้งนักที่ฉันจะได้มีโอกาสกลับบ้าน คราวที่ต้องกลับบ้านครั้งไหน
เท้าที่กำลังยืนอยู่บนผืนดินที่พ่อกับแม่อยู่กันมาแต่ยังเล็ก และครั้งหนึ่งฉันเคยใช้มันเป็นลานวิ่งเล่น
ใจกลับคิดถึงห้องที่กรุงเทพฯ อย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเสาะหาสาเหตุ ก็ได้คำตอบว่า มันคงเป็นเพราะเราใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่
ณ ที่แห่งไหน และผูกพันกับอะไรนั่นเอง ไม่ใช่เพราะเราลืมถิ่นฐานบ้านเกิดของเราแต่อย่างใด
เช้าวันหนึ่ง หลังจากที่ลืมตาตาตื่น กวาดตามองไปรอบๆห้อง ฉันก็บอกกับตัวเองว่า
น่าจะถึงเวลาที่จะต้องจัดการกับห้องนอนของฉันใหม่เสียที ทั้งที่ห้องก็แค่รกนิดนึงเท่านั้น
ไม่ใช่เพราะเมื่อคืน ได้ดูโฆษณาชิ้นหนึ่งในทีวี ที่ต้องการจะบอกย้ำว่า
มีประโยชน์อะไรที่ต้องใช้ชีวิตให้เหมือนคนอื่น
แต่เป็นเพราะว่าฉันกำลังเกิดความเบื่อ ที่ทุกเช้าเมื่อลืมตาตื่น ห้องของฉันเปรียบได้เหมือนภาพๆหนึ่งที่ได้เห็นมาบ่อยครั้ง
จนชินตา
คงดีไม่น้อยที่ต่อไปนี้ห้องของฉันจะสามารถสร้างบรรยากาศใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น
ได้เหมือนแกลลอรี่ขายภาพบางแกลลอรี่ ที่ทุกๆเดือนจะมีภาพของศิลปินหลากแนว
หมุนเวียนมาให้ชมกันในแต่ละเดือน
จะต่างกันก็แค่ งานศิลปะในห้องของฉัน มันไม่มีราคาค่างวดอะไร หากแต่มันมีคุณค่าต่อจิตใจของฉันผู้เป็นเจ้าของ
ที่ไปเสาะหามันมาเท่านั้นเอง
ว่าแล้ว ฉันก็ขนของใช้ที่ไม่จำเป็นนัก ขึ้นไปซ่อนไว้บนฝ้าเพดาน พยามให้ห้องดูมีที่ว่างให้มากที่สุด
เท่าที่จะทำได้
ยังจำได้คราวที่มีโอกาสพูดคุยกับศิลปินวาดภาพพู่กันจีนคนหนึ่ง เขามักบอกเสมอว่า
ที่ว่างก็จำเป็นสำหรับภาพๆหนึ่ง เหมือนกัน การเติมสีใส่เนื้อหาทุกสิ่งทุกอย่างลงในภาพ
แทนที่จะสร้างความสวย บางครั้งอาจทำให้เรื่องราวในภาพนั้นกลายเป็นความรกหูรกตาเสียมากกว่า
ฉันถอยตัวออกไปยืนตรงประตูทางเข้าห้อง มองเข้าไปในห้องของตัวเอง ค่อยๆไล่สายตา
จับว่าจุดไหนของห้องที่มันมีสิ่งของวาง จนสร้าง ความเกินพอดี อยู่บ้าง
ยามที่ย้ายของบางสิ่งออกไปจากจุดๆเดิมที่เคยวาง หรือ ขยับบางสิ่งไปตั้งไว้แทนที่
ไม่ต่างจากศิลปินบางคน ยามที่ใช้พู่กันป้ายสีขาว ลบสีบางสีที่ไม่พอใจออกไป
หาความพอดีในห้อง เหมือนกับกำลังหาความพอดีให้ภาพ ต่อยอดถึงความพอดีในความคิดบางอย่างที่เกิดขึ้นในตัวตนของเรา
ศิลปินบางคนอาจเคยคนพบสัจธรรมบางอย่าง จากภาพบางภาพที่เขาเขียนขึ้น
นักประพันธ์บางคนอาจรู้สึกเต็มตื้น เมื่อนึกถ้อยคำบางคำออกมาได้อย่างไม่รู้ตัว
สำหรับฉันนั้นพบว่า ชีวิตหนึ่งชีวิต เมื่อนึกถึงสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต้องใช้
เอาเข้าจริงแล้วมันก็ไม่มีอะไรที่ต้องใช้มากนักหรอก
ขอแค่เรามีในสิ่งที่เราต้องการ บางสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าควรมี ก็อาจไม่จำเป็นแล้ว
การจัดห้อง บางครั้งก็เหมือนได้ทำงานศิลปะประเภทจัดวาง หรือ Installation
Art โดยไม่รู้ตัว
โปสการ์ดบางแผ่น จากที่หวงไว้เป็นของสะสมไม่ยอมส่งถึงใคร เลือกบางแผ่นเอาไปใส่กรอบ
แล้วแขวนไว้ที่มุมหนึ่งมุมใดของห้อง ที่สายตาแลเห็นได้
คือการทดแทนการซื้อภาพมีราคา ที่กำลังทรัพย์เรามีไม่ถึง หรือไม่มีวันซื้อได้
ในแบบของฉัน
ปฏิทินเก่า เมื่อปีใหม่หมุนเวียนมา แทนที่จะทิ้งไป เราก็หันด้านที่ไม่ใช่ตัวเลขบอกวันเดือนปีออกมามอง
เป็นที่พักสายตาได้ทางหนึ่ง
หรือแม้ว่าจะเป็นปฎิทินของปีปัจจุบัน ก็ไม่เห็นจำเป็นที่เราจะต้องผูกหัวใจไว้กับวันเวลาอยู่ตลอด
ความงามเกิดขึ้นได้รอบๆตัวเรา ...เกิดขึ้นได้เหมือนกับการแต่งตัว ส่องกระจกก็มองเห็น
หากเรารู้จักเอาศิลปะมารับใช้วิถีชีวิตเราได้จริง เราจะค้นพบว่ามีอะไรอีกมาก
ที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องซื้อหา
ด้วยบรรยากาศใหม่ที่แวดล้อมตัว ไม่จริงจัง ทว่าผ่อนคลาย ขณะเอนกายนอนลงในห้องๆ
เดิม
ฉันหลับสบายดีกว่าที่เคย
|