เหตุที่เขียน “แม่” ให้แปลกไป

เรื่องโดย....ฮักก้า :: thinksea@hotmail.com

แทนที่จะเลือกถ่ายทอดภาพ “แผ่นดิน ภูเขา แม่น้ำ ทะเล และท้องฟ้า” ให้เหมือนกับคอนเซ็ปต์ของชื่อนิทรรศการ

ศิลปิน ธนฤษภ์ ทิพย์วารี กลับเลือกที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

และที่สำคัญใครได้มีโอกาสไปชมภาพๆนี้ของธณฤษภ์ ด้วยตัวเอง ซึ่งกำลังติดตั้งให้ชม ณ หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ก็มักจะเห็นต้องกันว่า ต่างออกไปจากภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่ศิลปินคนอื่นๆเคยสร้างสรรค์ออกมาก่อนหน้า นั่นก็คือกล้าฉีกออกไปจากรูปแบบและสีสันเดิมๆ ที่ควรจะเป็น

ธณฤษภ์ ทิพย์วารี ตั้งชื่อภาพเขียนสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ ขนาด 80 x 100 ซม.ภาพนี้ของเขาว่า “พระบรมราชินีนาถในความรู้สึกของข้าพเจ้า” และได้บอกถึงเหตุผลที่เขียนภาพนี้ออกมาว่า

“เป็นลักษณะของความคิดรวบยอดของผมเอง สำหรับคำว่าแม่ของทุกสิ่ง แผ่นดิน ภูเขา แม่น้ำ ทะเล และท้องฟ้า ก็คือแม่ของของธรรมชาติ และแม่แบบของศาสตร์ต่างๆ และการแสดงงานครั้งนี้ก็เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าด้วย ก็เลยรู้สึกว่าคำว่าแม่ในใจของเรามันมีสามอย่าง หนึ่งคือธรรมชาติ สองคือแม่ของเราเอง และสามคือแม่ของประเทศ หรือแม่ของแผ่นดิน นั่นก็คือพระราชินี

ที่นี้ก็สรุปความคิดว่า คำว่าแม่ในความหมายที่เราต้องเคารพคือผู้ให้ทำนองนี้ อีกความคิดหนึ่ง มาจากปรัชญาของโบราณและเอเชีย หรือไม่ว่าจะเป็นยุโรป เขาพูดถึงสิ่งที่เคารพ ด้วยการใช้คำว่าแม่เป็นคำแทน ผมก็เลยตัดสินใจเขียนคำว่าแม่ที่เป็นความคิดรวบยอดของผมเอง”

ส่วนรูปแบบและเทคนิคในการนำเสนอนั้น ธณฤษภ์บอกว่าเป็นจินตนาการของเขาที่ต้องจะถ่ายทอดภาพออกมาในลักษณะของความงดงามเป็นหลัก เป็นเรื่องของขอสีที่มีเรื่องของการดีไซน์เข้ามาเกี่ยวข้อง คล้ายรูปแบบงานศิลปะในแนว อาร์ต นูโว (Art Nouveau) ของ กุสตาฟ คลิมต์ ศิลปินชาวออสเตรีย ซึ่ง ธณฤษภ์บอกว่าเขาได้รับอิทธิพลมาจากงานของคลิมต์ ด้วยเหมือนกัน

หลายคนอาจสงสัยว่า ธนฤษภ์ ทิพย์วารี เกี่ยวพันเป็นญาติฝ่ายไหนกับศิลปินชื่อ ศักดา ทิพย์วารี ที่ผลงานภาพผู้หญิงหลายๆคนลอยอยู่บนอากาศชื่อ “ที่คิดคำนึง” ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง จากเวทีประกวดศิลปกรรมแห่งชาติในครั้งล่าสุด

เจ้าตัวเฉลยว่า “คือผมเองครับ” แต่เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ ก็เพราะว่า เจ้าตัวกำลังมีไอเดียที่จะสร้างงานชุดใหม่ออกมาผ่านภาพเขียน ที่สื่อเรื่องราวของการฆาตกรรม จึงมีความบ้าเป็นส่วนตัวเล็กน้อยว่า อยากจะเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อให้ชื่อใหม่ฆ่าชื่อเก่าของตัวเองทิ้งซะ

ซึ่งหลายคนอาจฟังดูแปลกๆกับเหตุผลตลกๆเช่นนี้ แต่เหตุผลจะน่ารับฟังหรือไม่ เราอย่าเพิ่งไปตัดสินเลย เราคงต้องรอไปชมผลงานชุดนี้ของเขาด้วยตัวเองดีกว่า ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ถ้าไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน ปีหน้า 2548 เราได้ชมกันแน่นอน

“มันเป็นงานที่สืบเนื่องมาจากงานชุดหลังๆที่ผมทำอยู่เหมือนกัน ที่สื่อถึงเรื่องของความคิดคำนึง ความที่ไม่เป็น Unity ของตัวเราเอง