แปลงโฉมอาคารเป็น ห้องศิลปะ นุกูล ปัญญาดี และเพื่อนศิลปิน จัดให้
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
|
และแล้วอาคารสีหวานก็ผุดขึ้นกลางพื้นที่โรงเรียนบ้านน้ำเค็ม อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มันไม่ได้ใหญ่โตกว่าอาคารหลังใด เป็นเพียงอาคารเล็กๆที่ถูกแปลงโฉมขึ้นใหม่จากอาคารหลังเดิมที่ได้มีการสร้างรอเอาไว้ก่อนหน้าด้วยเงินบริจาคของบางหน่วยงาน ในช่วงหลังเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ
การแปลงโฉมอาคารหลังที่ว่า เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ให้กลายเป็น ห้องศิลปะ ตามความตั้งใจของศิลปินสีน้ำชื่อดัง นุกูล ปัญญาดี ซึ่งเคยตั้งใจไว้เอาก่อนหน้าหลายเดือนว่าอยากจะใช้เงินบริจาคของบรรดาลูกศิษย์และผู้ใจบุญที่เห็นด้วยกับเจตนารมณ์ของเขาให้เกิดผลเป็นจริงมากที่สุด แทนทางเลือกที่จะนำเงินไปซื้อของเพื่อไปแจกจ่ายหรือมอบให้กับชาวบ้านผู้ประสบภัยโดยตรง ซึ่งวิธีนั้นอาจเป็นการให้ที่ซ้ำซ้อน ก็เป็นได้
แน่นอนว่ากิจกรรมสานฝันสร้างห้องศิลปะซึ่งมีศิลปินสีน้ำผู้นี้เป็นหัวเรือใหญ่ ไม่ได้สำเร็จได้เพราะมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ลงแรงกายและแรงใจ แต่ยังมีเหล่าเพื่อนศิลปินและครอบครัวหลายท่าน อาทิ พรชัย เลิศธรรมศิริ,บรรลุ วิริยาภรณ์ประภาส,ไพศาล มีสุนทร, ธานินทร์ จันทรีศรี,นิภา ชุมสะอาด,พี่สมหมาย,น้องอาร์ต,น้องแหม่ม,น้องฝน,น้องไอช์ ฯลฯ ติดตามเป็นหนึ่งในสมาชิกขับรถลงใต้ไปช่วยกันซ่อม ช่วยกันสร้าง ช่วยกันดัดแปลงวัสดุ-อุปกรณ์ต่างนานาให้ห้องศิลปะหลังเล็กเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
รถแต่ละคันช่วยกันขนอุปกรณ์ศิลปะและบรรดาหนังสือที่ได้รับการบริจาค เดินทางออกจากกรุงเทพ ฯ ตั้งแต่เช้าวันที่ 1 ตุลาคม 2548 ผ่านเส้นทางอันคดโค้งของถนนสายชุมพร- ระนอง - พังงา ซึ่งนุกูลเองบอกว่าเป็นเวลาเกือบยี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้มีโอกาสเดินทางกลับบ้านเกิดด้วยเส้นทางนี้
เพราะเวลานี้สมาชิกของครอบครัวส่วนหนึ่งได้ย้ายไปตั้งหลักแหล่งที่ภูเก็ต ขณะที่พี่สาวบางคนของเขา( พี่อ๋อ ผู้อำนวยความสะดวกในหลายๆด้านเมื่อคณะศิลปินไปถึง และผู้ที่ครั้งหนึ่งเป็นผู้ที่สนับสนุนและกระตุ้นให้นุกูลได้เรียนต่อ แม้ว่าการเงินของทางบ้านกำลังอยู่ในภาวะขัดสน) ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านบางม่วงซึ่งอยู่ติดกันกับบ้านน้ำเค็ม
โอกาสหน้านุกูลจึงตั้งใจว่าจะขับรถมาหยุดเขียนรูปดูบ้าง เพราะทิวทัศน์ข้างทางยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่ไม่น้อย
สายฝนตกลงตกลงทักทายคณะศิลปินเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเขตจังหวัดระนองดูเหมือนว่าดอกฝนจะออกดอกบานสะพรั่งกว่าที่ไหนๆ ในที่สุดคณะศิลปินก็เดินทางไปถึงโรงเรียนบ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ในช่วงเที่ยงคืนของวัน ซึ่งก่อนหน้านั้นมีบรรดาลูกศิษย์บางกลุ่มที่เคยเรียนเขียนภาพกับนุกูล ประกอบด้วย กาญจนา พรหมาศ,นงพร อินทรกำแหง,พิศิษฐ์ ปลื้มเจริญ,ครองขวัญ คล้ายจันทร์,อุทัยวรรณ ทองแย้ม และ สัณห์สินี ยืนยง เดินทางไปรออยู่ก่อนแล้ว
เช้าวันต่อมามีทีมของศิลปิน สาโรจน์ ดำแป้น จากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล คลองหกและลูกศิษย์ สันติ ทองเกียว, แสงระวี ศรีคะเรศ ไปร่วมสมทบ ส่วนศิลปินหญิง สมบูรณ์ พวงดอกไม้ และสามี ดีดี้ นำหนังสือศิลปะดีๆหลายเล่มที่ได้รับบริจาคกับมือ ชัย ราชวัตร ไปเติมชั้นหนังสือขนาดย่อมให้เด็กๆโรงเรียนน้ำเค็มได้อ่านกัน
แต่ที่ตามไปสมทบกันเป็นคณะใหญ่ เต็มรถบัสที่ได้รับความอนุเคราะห์จากคณะแพทย์ศาสตร์ ก็เห็นจะเป็นทีมของศิลปิน สาธิต ทิมวัฒนบันเทิง และนักศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ที่ไม่เพียงกลายร่างจากชุดนักศึกษาสะอาดๆมาจับค้อนและถือแปรงทาสี ช่วยกันซ่อมช่วยกันสร้างให้ห้องศิลปะ แต่ยังนำกิจกรรมอันรื่นเริงไปสร้างความสนุกๆ ให้กับเด็กๆโรงเรียนบ้านน้ำเค็มอีกด้วย
ใครถนัดด้านไหนก็ช่วยกันไปตามถนัด ในช่วงพักเหนื่อยจากงานกินข้าวกินปลาอิ่มกันก็เป็นเวลาที่บางคนได้หยิบสีหยิบพู่กันที่พกติดตัวไปด้วยออกมาเขียนรูปเล่นเพลิน ๆ
งานนี้แต่ละคนยอมอยู่ง่ายกินง่าย(แต่อร่อย) ส่วนอาการกลัวผี สึนามิ จะหลอกหลอนก็ได้หายไปหมดสิ้น เพราะถือว่าตัวเองและเพื่อนได้ตั้งใจไปทำดี
ชั้นเก่าที่ผุพังถูกซ่อมและทาสีใหม่ ภาพเขียนและงานประติมากรรมนูนต่ำ ถูกนำขึ้นแขวนโชว์ที่ผนัง มีบางมุมที่แขวนกรอบรูปไว้รอใส่ภาพวาดฝีมือเด็กน้ำเค็มโดยเฉพาะ สแตนเขียนรูปถูกนำมาลองตั้ง ฯลฯ ด้านหน้าห้องศิลปะมีสวนหย่อมเล็กๆ เกิดขึ้น ด้วยฝีมือของ คุณสุเมธ นักจัดสวนและน้องๆระดับมัธยม โรงเรียนตะกั่วป่าเสนานุกูล
ประติมากรรมที่งดงามตามธรรมชาติซึ่งใช้ตกแต่งสวน ไม่ได้ซื้อหามาจากไหน แต่เป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่พัดมาจากทะเลพร้อมกับคลื่นยักษ์
แม้ว่าตั้งแต่เกิดเหตุคลื่นยักษ์สึนามิ จนถึงเวลานี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่า ของบริจาคและความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญได้หลั่งไหลลงไปช่วยเหลือชาวบ้านน้ำเค็มอย่างไม่ขาดสายก็ตาม
แต่การมีห้องศิลปะดีๆสักห้องหนึ่ง น่าจะเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยเยียวยาจิตใจ และสร้างเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้เกิดขึ้นในอนาคตได้ ไม่ว่าวันหนึ่งเด็กๆ ชาวบ้านน้ำเค็มจะเติบโตขึ้นไปประกอบอาชีพในด้านใดก็ตาม
พี่ว่ามันเป็นเรื่องของทุกคนนะที่เขาจะสนใจเรื่องพวกนี้ แต่โอกาสที่เขาจะมาร่วมกิจกรรม มันอาจจะยังไม่เจอโอกาสนั้น ตัวพี่เออร์ลีรีไทร์ออกมา พี่มีเวลาว่างมากกว่าคนอื่น ฉะนั้นโอกาสที่พี่จะเข้ามาร่วมกิจกรรมแบบนี้มันง่าย แต่ถ้าเราได้จุดประกายขึ้นมาว่าแทนที่เขาจะไปเที่ยวเฉยๆ แต่ได้มีส่วนช่วยกันทำกิจกรรมที่ดีๆเกิดขึ้นบ้าง มันก็เป็นอะไรที่เป็นความสุข สุขในการให้ แม้ว่าการให้ของเรา วันหนึ่งเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเด็กๆโรงเรียนบ้านน้ำเค็มบ้าง
พี่นิภา ชุมสะอาด หนึ่งในสมาชิกให้ความเห็นในวันที่ทุกคนได้เห็นห้องศิลปะคืบหน้าไปแล้วเกินครึ่ง
ด้านนุกูลบอกว่าตัวเองยังมีความตั้งใจอยากที่จะเห็นห้องศิลปะเกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่ และวันหนึ่งอยากจะต่อยอดให้มีกิจกรรมเวิร์กชอปของเหล่าศิลปินเกิดขึ้นตามห้องศิลปะที่ได้ไปสร้าง แต่ขอเวลาร่วมประชุมและปรึกษาขอความเห็นจากบรรดาเพื่อนฝูงและผู้ที่ให้ความช่วยเหลือในด้านเงินทุนและของบริจาคก่อน ว่ามีไอเดียที่จะร่วมคิดร่วมทำกันต่อไปอย่างไร
ถ้าเราได้ทำที่อื่นอีก ก็คงจะทำคล้ายๆกับว่าตกแต่งห้องศิลปะที่เขามีอยู่ให้เด็กๆ ได้เกิดแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะ ส่วนห้องศิลปะที่น้ำเค็ม เราก็ความหวังให้กับผู้ดูแลของโรงเรียน ไม่ใช่ว่ากลับมาปีหน้ามันไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะดูแลอย่างดี อาจารย์ปัญญา ลิ่มสงวน ครูศิลปะโรงเรียนน้ำเค็ม แกก็บอกว่าจะช่วยดูแลให้ เพราะการที่จะมีคนมาทำห้องศิลปะดีๆแบบนี้ให้มันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
ขณะที่อาจารย์ปัญญาเสริมขึ้นว่า ไม่ต้องพูดเรื่องรับปากดีกว่า เพราะมันคือหัวใจผมเลยเนี่ย
ความใฝ่ฝันที่อยากจะมีห้องศิลปะ ผมใฝ่ฝันอยากจะมีตั้งนานแล้วตั้งแต่แรกที่ผมเริ่มเป็นครูใหม่ๆเลย แต่ผมก็ไม่มีโอกาสได้มี มันมีปัญหาหลายสิ่งหลายอย่าง พอได้ขึ้นมาผมมีความสุขอย่างแรงเลยนะ
การส่งมอบห้องศิลปะให้กับโรงเรียนบ้านเค็มได้ เกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามฤกษ์สะดวกไปแล้ว โดยมี ปราโมทย์ กิจจำนงพันธ์ รองประธานคณะกรรมการ มูลนิธิอารี สุทธิพันธุ์ ให้เกียรติเดินทางไปเป็นประธานส่งมอบให้กับผู้อำนวยการโรงเรียน ทวิช จิตประสาน พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งที่เพื่อนชาวฝรั่งเศสของ ดีดี้ ฝากมาร่วมช่วยเหลือด้วย ซึ่งทางโรงเรียนน้ำเค็มตั้งใจไว้ว่าจะเก็บไว้เป็นทุนสำหรับอาหารกลางวันของเด็กๆ
โดยภาพรวมของกิจกรรมครั้งนี้นุกูลเปิดใจว่าประทับใจในน้ำใจของทุกคนที่มีส่วนช่วยกันสานฝันให้ห้องศิลปะโรงเรียนบ้านน้ำเค็มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมามากที่สุด
จริงๆแล้วการมาสร้างห้องศิลปะให้กับโรงเรียนบ้านน้ำเค็มครั้งนี้ ผมปลื้มในน้ำใจของเพื่อนฝูงที่เขามีน้ำใจมาช่วยเรา และได้เห็นว่าความสำเร็จ จริงๆแล้ว มันขึ้นอยู่กับการระดมความคิด ระดมกำลังอะไรต่างๆ ตัวผมเองก็ไม่ค่อยได้ไปช่วยอะไรมาก เพราะต้องดูแลความเรียบร้อย อำนวยความสะดวก หน้าที่ในการคิดทำหลายๆอย่างก็ปล่อยให้เพื่อนฝูงได้คิดได้ทำกันไป
|