ศราวุธ ดวงจำปา เผยเหตุที่ต้อง “ประจาน”

เรื่องโดย....ฮักก้า :: thinksea@hotmail.com

อาทิตย์ที่ผ่านมาแวะไปงานเปิดนิทรรศการศิลปะครั้งล่าสุดของศิลปิน สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ ที่หอศิลป์คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากรมาค่ะ

ระหว่างที่รอประธานในพิธี บุญชัย เบญจรงคกุล มาเปิด ก็แหงนหน้าไปจ๊ะเอ๋กับป้ายผ้าผืนใหญ่บนตึกที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามพอดี ความว่า ออกไป.....ทนะ.....บ่ดี จ.ป.ภ. GETOUT - COWBOY นึกในใจอยู่คนเดียว “ยังไม่ปลดลงเลยหรือ”

ขณะเดียวกันก็เหลือบไปเห็นบางคน กดชัตเตอร์เก็บภาพไว้ พร้อมกับเห็นกลุ่มคนบางกลุ่มมุงอ่านเอกสารราว 4 แผ่นที่ถูกนำติดไว้ใต้ตึก เสียงที่พวกเขาสนทนากันทำให้คาดว่าน่าเป็นจะเป็นศิษย์เก่าที่เผอิญแวะผ่านมาเยี่ยมเยือนคณะฯ

หลายคนคงพอจะจำกรณีที่ ศ.ธนะ เลาหกัยกุล คณะบดีคณะจิตรกรรมฯ ออกมาแถลงข่าว พร้อมด้วย ทนายความ วิสุทธิ์ กนกศีชริน ที่ร้านอาหารต้นโพธิ์ ถ. พระอาทิตย์ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาใช่ไหมคะ หลังจากที่ ศ.ธนะ ยื่นใบลาออก จากตำแหน่งคณบดีของคณะจิตรกรรมเรียบร้อยแล้ว แต่เวลานี้ยังไม่ถึงกำหนดพ้นตำแหน่ง

ด้วยเหตุที่ว่าตนถูกประจานด้วยป้ายผ้าและ โปสเตอร์ มาเป็นระยะเวลา 1 ปี กว่า ๆ นับตั้งแต่วันแรกที่ถูกรับเลือกเข้ามารับตำแหน่งคณบดี จนถึงคราวทนไม่ไหว ออกมาแถลงข่าว ถึงที่มาของเหตุการณ์ พร้อมกล่าวถึงกรณีที่ได้ยื่นฟ้อง อาจารย์และศิลปิน ประจำคณะจิตรกรรมฯ จำนวน 24ท่านด้วยกัน

ซึ่งอาจารย์ทั้ง 24 ท่านนี้ เป็นผู้ที่ร่วมลงลายชื่อ ยื่นเอกสารถึง อธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เสนอข้อมูลการปฏิบัติราชการของ ศ. ธนะ เลาหกัยกุล คณบดีคณะจิตรกรรมฯ ตลอดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2546 ถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2547

เอกสารที่ถูกนำมาติด ณ อาคารๆหนึ่งในมหาวิทยาลัย ให้นักศึกษาละคนที่ผ่านแวะเวียนเข้าไปในรั้วศิลปากรได้อ่านกัน จนเป็นที่มาของคำถามที่ตามมามากมายว่า เกิดอะไรขึ้น เหตุผลจริงๆ เป็นอย่างไร ทำไมอาจารย์และศิลปินของศิลปากร จึงได้เล่นกันแรงขนาดนี้ และมีบ้างบางคนที่มองว่าปัญหาแบบนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา หนำซ้ำบางคนยังฟันธงด้วยว่า กรณีเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดขึ้นในรั้วศิลปะแห่งนี้

การที่นำเรื่องราวของการแถลงข่าวของ ศ. ธนะ มาฉายให้ฟังอีกรอบ ไม่ได้คิดที่หยามหมิ่นที่คนศิลปากรเสียเกียรติกันหรอกนะคะ เพราะความจริงเราหลายคนรู้ๆ กันอยู่ว่า มีคนศิลปากรไม่น้อยที่ออกมาทำคุณประโยชน์เพื่อประเทศชาติ และสร้างสรรค์งานศิลปะดีๆ ออกสู่สังคมเรื่อยมา

แต่เพราะว่าหลังจากที่ผู้จัดการรายวัน และเวบไซต์ ผู้จัดการออนไลน์ ได้นำเสนอข่าวการแถลงข่าวของ ศ.ธนะออกไป ก็มีหลายเสียงออกมาเรียกร้องผ่านกระทู้ว่า เหตุใด ไม่นำความจริงจากใจของฝ่ายที่โดนฟ้องมานำเสนอให้ฟังบ้างว่าเขาคิดอย่างไร และเหตุใดจึงเขียนป้ายผ้าประจานคนของตัวเอง
เผอิญว่า ฉันมีโอกาสได้พบ อ. ศราวุธ ดวงจำปา ในงานเปิดนิทรรศการศิลปะของคุณสมศักดิ์ พอดี จึงถึงทีถามถึงที่มาที่ไปของเรื่องราว

หลายคนคงจำได้ อ.ศราวุธท่านนี้ เป็นอาจารย์สอนประติมากรรมประจำคณะจิตรกรรมฯ เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูก ศ.ธนะ ฟ้อง และเป็นผู้ที่ถูก ศ. ธนะ แจ้งความต่อ สน.ชนะสงคราม ด้วยว่าโดนเขาผลักหน้าอก ในวันที่เดินไปปลดป้ายประจานบางชิ้นออก และเป็นผู้ที่ ศ.ธนะ ปักใจเชื่อด้วยว่า เป็นผู้ที่เขียนป้ายจำนวนหลายๆป้าย ประจานตนในมหาวิทยาลัย

“คิดไม่ถึง เรื่องกลัวผมไม่กลัว ส่วนตัวผม เพียงแต่ผมกลัวว่า มันจะมีผลกับคนที่เขาไม่เกี่ยวข้องด้วย” อ.ศราวุธ เผยถึงความรู้สึกว่าคิดไม่ถึง เมื่อถูกโยนคำถามว่า คิดอย่างไร ที่ ศ. ธนะ ออกมาแถลงข่าว

“เขาก็หาทนายมา เขาเป็นคนเริ่ม ทุกคนช็อก รู้สึกแปลกใจ ไม่นึกว่าจะเป็นนิสัยเขา ที่ปกติตรงไปตรงมา นักเลงหน่อย แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนเขาเป็นคนไม่จริง ไปอาศัยกฎหมายเพื่อหาทางเอาชนะ”

ส่วนกรณีป้ายด่าประจานที่มหาชนตั้งคำถามนั้น อ.ศราวุธ เผยว่า “ เรื่องของเรื่อง เป็นเรื่องที่เราทำขึ้นในมหาวิทยาลัย เสียตรงคนข้างนอกเอาเรื่องไปเผยแพร่ แสดงว่าเขาไม่มีเยื่อใยกับคณะแล้ว เขาอยากเอาชนะ ถ้าเขาคิดจะทำเพื่อคนส่วนรวมอย่างที่เคยบอกไว้ เขาก็ไม่น่าทำ มันมีแต่ความเสียหาย กลายเป็นเรื่องโมโห”

ล่าสุด อ.ศราวุธบอกว่า เรื่องที่ตนถูกฟ้องนั้นตนได้หาทนายความมาต่อสู้แล้ว

“เราก็มีทนายมาให้ข้อแนะนำว่าจะทำยังไง เราลุกขึ้นมาต่อสู้ เพราะคณบดี มาฟ้องอาจารย์ในคณะตั้ง 24 คน แล้วเค้าก็มาบอกใครๆว่าลาออก ซึ่งมันต้องรอผลอีกสามเดือน เราหาทนายมาช่วยแล้ว ก็ต้องรอดู หาทนายมาสู้กัน เรายังไม่เป็นอะไรจะเป็นข้อกล่าวหาก็ต้องมาสืบ ผมว่าการที่เขาเอาเรื่องนี้มาทำออกเป็นข่าว อันนี้ผมว่าทำลายคณะมากกว่า ก็เลยไม่โต้ตอบอะไร อาจารย์หลายคนช็อก นึกไม่ถึง ทำอย่างนี้เขาไม่มีเยื่อใยต่อคณะแล้ว อาจจะติดนิสัยฝรั่ง”

ศ.ธนะ เลาหกัยกุล จบการศึกษาปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ในสาขาคณะจิตรกรรม เมื่อ พ.ศ. 2511 ปี พ.ศ. 2513 ได้ไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยศิลปะแมสซาซูเสท จนจบปริญญาโท และได้เริ่มใช้ชีวิตในต่างประเทศเรื่อยมา

ต่อมาได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน รัฐมิสซูรี่ ให้เป็นอาจารย์สอนวิชาประติมากรรม และต่อมาได้ย้ายไปสอนต่อที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส ในช่วงที่เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้มอบตำแหน่งศาสตราจารย์ให้ และในปี พ.ศ. 2546 ได้เดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทย รวมเวลาที่อยู่ต่างประเทศ 33 ปี โดยใช้ชีวิตการเป็นอาจารย์มาโดยตลอด ซึ่งที่ ศ. ศราวุธเปรยว่าอาจจะติดนิสัยฝรั่งก็น่ามีที่มาอย่างนี้

“ดูนิสัยก็พอ จะเอาเล็กๆจากกฎหมายเพื่อจะมาเล่นงานผม ผมก็อยากรู้ว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมหรือเปล่า ความจริงก็ไม่อยากพูดอะไรมากพูดไปก็มีแต่เสีย มาวัดใจกันเลยดีกว่า”

อ.ศราวุธ ยอมรับว่า ในส่วนตัว เขาไม่มีอะไรที่ต้องผิดใจกับ ศ.ธนะ เป็นการส่วนตัว เรื่องที่เกิดขึ้น จนต้องมีป้ายเขียนประจานนั้น เป็นเพราะ เขา และ อาจารย์ในคณะหลายคนๆ ไม่พอใจในระบบการสรรหาคณบดี ที่คนนอกมาเป็นผู้สรรหา แทนที่จะใช้เสียงส่วนมาก ของอาจารย์ของคณะและบุคลากร ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก

“มันเป็นการสรรหาระบบใหม่ ซึ่งเราไม่เคย เราแคร์เรื่องเสียงข้างมาก เสียงประชาธิปไตย ปัญหาอยู่ที่กรรมการซึ่งไม่ฟังเสียงส่วนใหญ่ ส่วนตัวผมอยากให้ทุกพนักงานทุกฝ่ายเป็นคนเลือก ให้เสียงส่วนน้อยมาเลือก แล้วอย่างนี้เสียงส่วนใหญ่จะทำงานกันอย่างไร

เรื่องอื่นผมไม่มีอะไร มีแต่เรื่องบริหาร มาไม่ถูก ส่วนศาสตราจารย์ธนะ เขาก็เคยมาพูดว่าไม่อยากเป็นคณบดี ถ้ามีคนอื่นจะเป็น พอมารู้ว่าเราเสนออีกคนลงรับเลือก เขาก็กลับมาสู้ แม้แต่คราวหลังที่จะมีการคัดเลือกอธิการบดี เขาก็มาลงรับเลือก อยากจะปลดอธิการบดีทั้งที่ตัวเองยังมีปัญหา”

และทั้งหมดนี้คือความเห็นล่าสุด จากอีกฝ่ายซึ่งถูก ศ.ธนะ ฟ้อง ที่เจ้าตัวพอจะชี้แจงถึงเหตุผลให้ฟังได้ ส่วนใครที่ต้องการตามอ่านข่าวการแถลงข่าวของ ศ.ธนะ เมื่อเดือนธันวาคม ตามไปอ่านอีกครั้งได้ในเวบไซต์ของผู้จัดการออนไลน์ ในหน้าผู้จัดการแกลเลอรี่

http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9470000100494

เรื่องร้อนในรั้วศิลปะจะจบลงอย่างไร โปรดติดตาม