เสียงดังเจ้าปัญหา
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนที่ชอบเสียงดัง จะเป็นนักเลงใหญ่ในแผ่นดิน
......................
เชื่อหรือเปล่าคะว่า บ้านเมืองเรามีคนเกือบจะฆ่ากันตาย เหตุเพราะความเสียงดัง
ข่าวคราวล่าสุดจากพี่ศิลปินนักปั้นถ้วยชา ปานชลี สถิรศาสตร์ ทำให้ฉันเกิดจินตนาการไปล่วงหน้าว่า ไม่แน่วันหนึ่งเราอาจได้รับข่าวว่ามีคนถูกฆ่าตายคามือถือ นอนตายบนลานแอโรบิก หรือไม่ก็สลบเหมือบคาเครื่องเสียงชุดใหม่ในบ้าน ฯลฯ ซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะเป็นทั้งคนที่ใกล้และไกลตัวเรา
ไม่ใช่เพราะเหตุว่ามีคนร้ายต้องการฆ่าเพื่อชิงเอามือถือรุ่นใหม่ราคาแพงของบางคน ไม่ใช่เพราะว่าเธอคนนั้นโดนข่มขืนเพราะว่าสวมชุดเต้นแอโรบิกโป๊และเซ็กซี่เกินไป หรือไม่ใช่เพราะว่าเขาอีกคนคนถูกหัวขโมยขึ้นบ้านเพื่อขโมยเครื่องเสียง เมื่อเกิดเหตุการณ์ยื้อแย่ง หัวขโมยเลยควักปืนออกมายิงโป้ง สะใจโก๋
แต่เป็นเพราะว่า บางคน,เธอคนนั้น,เขาอีกคน และคู่กรณี เกลียดขี้หน้ากันเพราะเสียงดังเป็นเหตุ
อาทิตย์ก่อนฉันและเพื่อนไปพบคุณปานชลี ที่บ้านในซอยอาทรอุปถัมถ์ ย่านบางซื่อ เพราะเพื่อนต้องการไปปรึกษาขอความรู้เรื่องการปั้นถ้วยชาจากเธอ
เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลและเพิ่งพักรักษาตัวได้ราวสิบวัน อาการเธอดีขึ้นมากแล้ว ที่หน้าผากมีผ้ากลอซติดเหลืออยู่หนึ่งจุด นอกจากชงชาได้อร่อยเหมือนเคย ก็สามารถเล่าที่มาของการถูกทำร้าย และเหตุผลของการไม่สู้ตอบ(ทั้งที่มีร่มอันหนึ่งอยู่ในมือ)ให้พวกเราฟังได้อย่างถี่ถ้วน
บางครั้งความสุขของเรา งานเลี้ยงของเรา อาจทำร้ายคนอื่นได้โดยไม่รู้ตัว ....ในวันเกิดเหตุ เมื่อรู้สึกว่าปริมาณความดังของเครื่องเสียงของเพื่อนบ้านที่กำลังเลี้ยงฉลองกัน เกินลิมิตที่หูของเธอจะทนไหว เธอบอกว่าได้เดินออกจากบ้านเพื่อไปขอร้องให้เพื่อนบ้านช่วยเบาเสียงเครื่องเสียงลงหน่อย กลับปรากฏว่าไม่เป็นผล แถมคนถูกขอร้องก็ยังแสดงอาการว่าไม่พอใจมากๆด้วย
เมื่อเธอเดินถืออาหารเลยไปให้คุณยายที่บ้านอีกหลังที่รู้จักกัน ปรากฎว่ามีผู้หญิงอายุราวสามสิบซึ่งมาจากบ้านต้นเหตุของเสียงตามไปกระชากเสื้อทุบตีเธอ พร้อมกับกล่าวหาเธอทำนองว่า อีหน้าไหนมันมาบังอาจบอกให้กูเลิกร้องเพลง มันอีโรคจิต มันเป็นบ้าไปแล้ว ทนเห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้
ฉันสงสัยว่าทำไมเธอไม่โต้ตอบบ้าง ไม่แม้แต่จะแจ้งความ ไม่แม้จะไปออกรายการทั้งที่คนเชิญมา ถ้าเป็นฉันแล้วตามสัญชาตญาณของคนถูกทำร้าย คงต้องมีการใช้ร่มในมือฟาดตอบกลับไปบ้าง
เพราะพี่ต้องการให้เห็นว่าถ้าเรื่องมันถึงขนาดเป็นข่าวออกไป เราเป็นคนสุภาพ เราไม่ทำร้ายเขา เราไม่โต้ตอบ เราไม่โกรธ เราเข้าใจเขา แต่เขากลับรู้สึกว่าการที่พี่ไม่เอาเรื่องกับเขา เขาไม่รู้สึกอะไรเลยกูจะเอามึงอีก
ในความคิดฉัน การสร้างเสียงดัง สำหรับใครบางคนนั้นเป็นเสมือนการแสดงพาวเวอร์อย่างหนึ่ง อยากให้คนรู้ อยากให้คนสนใจ ว่าฉันมีดีอะไร
บ้านฉันอยู่ใกล้มัสยิด เสียงสวด 5 เวลา นั้นพอจะให้ฉันซึ่งเป็นชาวพุทธพอทำความเข้าใจกับวัตรปฏิบัติของคนต่างศาสนาอยู่หรอก แต่ช่วงไหนที่มีการจัดกิจกรรมด้านเยาวนขึ้นมีการแข่งกีฬา เสียงโห่เชียร์ เสียงจากไมโครโฟน ที่ผู้นำบางท่านเปล่งออกมาสั่งสอนอบรมเยาวชนผู้สืบต่อศาสนา บางครั้งบางคราวมันก็ทำให้ฉันข้องใจว่าเหตุใดท่านไม่ทำความเข้าใจกับสภาพในความเป็นจริงว่ามัสยิดไม่ได้อยู่กลางทุ่งนา อยู่ไกลผู้คน แต่อยู่ในชุมชนเมืองที่มีความหลากหลาย บางคนอาศัยอยู่ในบ้านเช่า บางคนอาศัยอยู่ในตึก ซึ่งมีหลายครอบครัว และทำงานต่างเวลากัน พวกเขาล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากเสียงอันดังไร้การทบทวนได้เช่นกัน
ขณะที่ฉันเกรงๆอยู่ว่าจะได้รับข่าวว่าคุณปานชลีเธอจะถูกอัด ถูกทำร้ายอีกรอบ ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าในแต่ละวันเธอคงได้นั่งปั้นถ้วย ทำงานเซรามิกอาร์ตอยู่เงียบๆที่บ้านโดยไม่ต้องมีเหตุเสียงดังเกินลิมิตจากบ้านหลังไหน ให้เธอต้องไปขอร้องและถูกทำร้ายอีก
และงานที่เธอต้องการเรียกร้องให้คนส่วนมากหันมาสนใจถึงปัญหาของเสียงดัง ที่เสนอผ่านงานเซรามิกอาร์ตของเธอและรณรงค์ผ่านกิจกรรมกับเพื่อนพ้องจะได้รุดหน้าไปเรื่อยๆ
นอกจากงานแสดงเซรามิกอาร์ตชุด สันติสุขแห่งถ้วยชา, ชาแห่งความรื่นรมย์, เวลาอันแสนสุข และ มนตราแห่งแผ่นดิน ไล่มาจนถึง งามในความเงียบ หรือ The Quiet Path งานชุดสุดท้ายที่เธอแสดงไปเมื่อตุลาคมปี 2547 ที่โรงแรมสยามซิตี้
ฉันคิดว่าใครหลายคนที่เป็นแฟนผลงานของเธอคงอยากเห็นเธอสร้างสรรค์งานชุดใหม่ออกมาอีกเรื่อยๆ งานที่ไม่ใช่เพียงให้เราได้ชื่นชมคุณค่าและเห็นความงามทางศิลปะ แต่บอกเล่าให้เราตระหนักไปพร้อมๆกันด้วยว่า เว้นพื้นที่ให้ความเงียบได้แสดงตัวตนบ้าง อย่าปล่อยให้เสียงดังกินพื้นที่ไปเสียหมด
เรื่องที่พี่ถูกทำร้ายร่างกายนี้ แม้จะเป็นเคราะห์ร้าย แต่ก็มองว่าน่าจะกลายเป็นเรื่องดี ที่จะได้กระตุ้นให้เพื่อนๆและคนอื่นๆได้รับรู้ถึงปัญหาความรุนแรงในสังคม ประชาชนมีความเป็นอยู่อยู่ดีกินดีขึ้นจริงหรือ ในเมื่อทุกตรอกซอกซอยของบ้านเมืองเต็มไปด้วยเสียงดังจากเครื่องเสียงที่มีกำลังมหาศาล ซึ่งหาซื้อได้ในราคาถูก มีกันแทบทุกบ้าเหมือนทีวี โรงหนัง โรงมหรสพ ศูนย์การค้า สวนสาธารณะ สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล ตลาดนัด วัดวาอาราม ในเดี๋ยวนี้ระบาดไปทุกซอย รถเมล์ รถไฟฟ้า หาความเงียบไม่ได้ แม้แต่หนีไปป่า ไปเขา ก็มีแต่เสียงคาราโอเกะ
เราคงไม่ปล่อยให้คนบางกลุ่มที่ชอบเสียงดังกลายเป็นนักเลงใหญ่ในแผ่นดิน และปล่อยให้คนกลุ่มน้อยที่ชอบความสงบ ค่อยๆตรอมใจตายกลายเป็นปุ๋ยของแผ่นดิน ดังที่คุณปานชลีเธอได้เคยพูดบอกฉันและเพื่อนไว้หรอกนะคะ
|