นุกูล ปัญญาดี สานฝัน ห้องศิลปะโรงเรียนบ้านน้ำเค็ม
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
นุกูล ปัญญาดี |
อาคารห้องศิลปะโรงเรียน
บ้านน้ำเค็มซึ่งกำลังก่อสร้าง
โรงเรียนบ้านน้ำเค็ม
ซ้ายมือสุด - ทวิช จิตร์ประสานต์
อาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านน้ำเค็ม
|
หลังจากเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ สึนามิ ที่กวาดล้างทำลายชีวิตทรัพย์สินพี่น้อง 6 จังหวัดอันดามัน คนทำงานศิลปะหลายๆคนก็พลอยหมดภาพเขียนกันไปคนละหลายภาพ ด้วยเพราะนำภาพของตัวเองไปร่วมจัดกิจกรรมประมูลหารายได้ ไปช่วยทรัพย์น้ำตาผู้ประสบภัย
ศิลปินบางคนเงินติดกระเป๋านั้นมีไม่มาก ทว่าภาพเขียนของพวกเขามีราคา การนำภาพออกประมูลจึงเป็นทางเลือกๆ หนึ่งที่พวกเขาพอจะคิดทำเพื่อช่วยเหลือสังคมได้
นอกจากนั้นก็มีศิลปินบางคนที่กดโทรศัพท์ถึงบรรดาลูกศิษย์ที่ตนเคยสอนเขียนรูป ให้ช่วยเหลือบริจาคทรัพย์กันตามแต่กำลังศรัทธา ลูกศิษย์หลายคนไม่รอช้า โอนเงินเข้าบัญชีให้ หรือไม่บางคนก็นำเงินสดใส่ซองมามอบให้ให้กับมือ โดยที่ไม่ขอเปิดเผยนามเอาหน้า
ขณะที่ครูศิลปินก็มอบปฎิทินที่ตีพิมพ์ผลงานภาพเขียนสีน้ำของตน ตอบแทนน้ำใจลูกศิษย์ ซึ่งเป็นภาพเขียนชุดเดียวกันกับที่มีเพื่อนเจ้าของโรงพิมพ์มาขอไปทำเป็นปฏิทินแจกลูกค้าไว้ก่อนหน้า
เมื่อถึงคราวที่ต้องช่วยเหลือกัน เจ้าของโรงพิมพ์จึงกันปฏิทินจำนวนหนึ่งไว้ให้เพื่อนศิลปินตามคำขอ ไปมอบให้แก่ลูกศิษย์ที่ช่วยบริจาคเงิน
ศิลปินที่กล่าวถึงนี้ คือคุณ นุกุล ปัญญาดี ศิลปินสีน้ำชื่อดังคนหนึ่งของบ้านเรา ซึ่งเจ้าตัวมีพื้นเพเป็นคนบ้านบางม่วง ต.บางม่วง อ. ตะกั่วป่า จ.พังงา หมู่บ้านซึ่งอยู่ในตำบลเดียวกันกับหมู่บ้านน้ำเค็ม ที่เรารู้จักกันดีในช่วงเกิดเหตุการณ์สึนามิ แต่อย่างไรก็ตามคุณนุกูลก็รู้สึกเสมอว่าทั้งชาวบ้านบางม่วงและบ้านน้ำเค็ม ล้วนเป็นญาติพี่น้องของตน
คุณนุกูลเล่าให้ฟังว่า ช่วงที่เขาเกิดบ้านน้ำเค็มนั้นมีเพียงไม่กี่หลังคาเรือน ซึ่งล้วนแต่เป็นคนดั้งเดิมที่ย้ายมาจากบ้านบางม่วง ขณะที่เวลานั้นโรงเรียนบ้านน้ำเค็มก็ยังไม่มี แต่ในยุคบูมของการทำเหมืองแร่ในทะเล คนจากต่างที่ต่างทางต่างเดินทางไปรับจ้างกันที่นั่น โดยเฉพาะแรงงานจากภาคอีสาน
นอกเหนือจากบรรดานักการเมือง และนายทุนจากเมืองหลวง ชาวบ้านในพื้นที่เองรวมถึงหมู่บ้านบางม่วงด้วยก็หันไปทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่ในทะเลเป็นจำนวนมาก
ถึงวันหนึ่งบอบช้ำประสบปัญหาธุรกิจล้มระเนระนาด หมดยุคบูมของเหมืองแร่ แร่ในทะเลมีน้อยลง ทั้งคนไปอยู่ใหม่และคนอยู่เก่าก็ยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม จากที่เคยอาศัยอยู่ชั่วคราวก็กลายเป็นเจ้าของที่ไปโดยปริยาย
เมื่อเกิดลูกเด็กเล็กแดงเกิดขึ้นมามากและถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียนกัน โรงเรียนบ้านน้ำเค็มจึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับ เป็นช่วงเวลาใกล้ๆกันกับที่คุณนุกูลได้เรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนตะกั่วป่าเสนานุกูล และได้เดินทางจากบ้านมาเพื่อมาเรียนศิลปะในเมืองหลวงแล้ว
คืนวันที่ 25 ธันวาคม 2547 คุณนุกูลบอกจำได้ว่า เพิ่งกลับจากการไปจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับครูสีน้ำ อารี สุทธิ์พันธุ์ ที่ มศว.ประสานมิตร ตื่นเช้ามาวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ทราบข่าวจากทางทีวีว่าเกิดคลื่นยักษ์ถล่มหมู่บ้านน้ำเค็มและอีกหลายพื้นที่ ทำให้ตกใจมาก เพราะเป็นพื้นที่บ้านเกิดของตน
ในช่วง 2- 3 วันแรกนั้นติดต่อกับทางบ้านไม่ได้ แต่หลังจากนั้นทางบ้านก็ติดต่อกลับมาให้คลายหายห่วง แต่ก็ได้รับข่าวว่าหลานสาวซึ่งเป็นลูกสาวของพี่สาวคนโตของคุณนุกูลหายไปหนึ่งคน
หลังจากนั้นไม่นานคุณนุกูลจึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากบรรดาลูกศิษย์ กระทั่งได้เงินมาจำนวนหนึ่ง และก่อนที่จะเดินทางไปเขียนภาพที่ลาว คุณนุกูลจึงได้ขับรถลงใต้ไปดูพื้นที่เกิดเหตุกับบรรดาเพื่อนศิลปินว่ายังมีส่วนไหนที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ และส่วนไหนที่มีการช่วยเหลือกันไปมากแล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดเป็นการช่วยเหลือที่ซ้ำซ้อน ไม่ถูกจุด
เมื่อได้พบและพูดคุยกับ อาจารย์ปัญญา ลิ่มสงวน ครูศิลปะแห่งโรงเรียนน้ำเค็ม ซึ่งได้มีโครงการที่จะทำห้องศิลปะของโรงเรียนขึ้น โดยใช้ทุนก่อสร้างจากวิทยาลัยเทคนิคพังงาและอาศัยแรงงานจากช่างซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกันกับที่ไปช่วยสร้างอาคารและบ้านพักชั่วคราวให้กับชาวบ้านผู้ประสบภัย
หลังจากที่นำเงินส่วนตัวของตัวเอง 5 หมื่นบาทไปช่วยซื้อโต๊ะคอมพิวเตอร์ให้กับเด็กๆ โรงเรียนบ้านน้ำเค็มแล้ว คุณนุกูลจึงตัดสินใจว่าเงินบริจาคจำนวน 3 แสนกว่าบาทรวมทั้งเงินสมทบของตนน่าจะมอบให้เป็นทุนช่วยเหลือในการทำห้องศิลปะดีที่สุด และก็ได้รับปากทางอาจารย์ปัญญา และ อาจารย์ทวิช จิตร์ประสานต์ อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนบ้านน้ำเค็มไว้ด้วยว่าจะไปช่วยออกแบบห้องศิลปะให้
เพียงแต่รอเวลาให้ช่างขึ้นตัวโครงอาคารเสร็จเรียบร้อย และรอเวลาให้งานแสดงเดี่ยวภาพเขียนของตนชุด NUKOON 2005 ที่จะมีขึ้น ณ หอศิลป์จามจุรีในช่วงเดือนมิถุนายนผ่านพ้นไปก่อน จะได้ไม่ต้องมีเรื่องที่ต้องกังวลใจ
ตอนนี้ผมซีเรียสกับงานแสดงเดี่ยวของผมมาก แทบไม่มีเวลาเลย แม้จะพักสอนสีน้ำมาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม ไหนจะมีกิจกรรมอื่นดึงเวลาผมไปอีก ยังไงก็ตามผมก็รอให้เขาสร้างตัวอาคารก่อน ถ้ามันเสร็จก่อนที่ผมแสดงเดี่ยว ผมก็จะขอเลื่อนเวลาไปสักนิดนึง เมื่อเสร็จแล้วผมจะเดินทางลงใต้ไปตั้งหน้าตั้งตาช่วยเขาทำห้องศิลปะได้เต็มที่ แต่ถ้าอาคารมันเสร็จทีหลังก็ไม่มีปัญหา
แต่เวลานี้ผมได้ปรึกษาหารือกับเพื่อนๆแล้วว่า จะทำอย่างไรดีกับอุปกรณ์ที่จะทำให้เด็ก คือผมจะพยายามหาเพื่อนหรือหาใครที่เขาสามารถที่จะดัดแปลงทำอุปกรณ์สื่อการเรียนศิลปะ จากแทนที่เขาเคยทำขาย 10 บาท เขาคิดเราสัก 5 บาทได้ไหม ไม่เอากำไรได้ไหม เพื่อจะได้ช่วยกันทำบุญ ส่วนเวลานี้ เงินบริจาคที่มีอยู่ ผมก็คิดว่าจะยังไม่เคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น รอทางโรงเรียนสร้างอาคารเสร็จเสียก่อน เพราะถ้าซื้อพวกของมาเก็บไว้ตอนนี้ ก็ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน รอให้อาคารเสร็จ รอให้ทางอาจารย์ปัญญาเสนอมาว่าจะต้องใช้อุปกรณ์ใดบ้าง มีอะไรที่ต้องขาดและต้องการความช่วยเหลืออีกผมให้เกียรติกับบรรดาลูกศิษย์ที่เขาช่วยบริจาคเงินมาก่อนหน้า อยากให้เขาเห็นเป็นรูปธรรม
จริงๆแล้วขาตั้งเขียนรูป อาจารย์ปัญญาบอกว่าอยากได้สักสองสามตัวก็พอ ให้เด็กได้เรียนรู้ให้ได้มาดูว่าเวลาวาดภาพ การวางภาพ การตั้งกระดาน วางกระดาษ บางทีตั้งกับโต๊ะมันไม่สะดวก เด็กที่เรียนต่อคลาสหนึ่งที่เรียนต่อครั้งประมาณสัก 35 คน ผมคิดว่าถ้าสแตนเขียนรูปมันไม่แพงนักผมก็คิดว่าน่าจะใช้สัก 40 ตัวเลย ให้เด็กได้หมุนเวียนกันเข้าไปใช้ ผมก็พยายามหาเพื่อนที่เขาทำสแตนให้เขาทำถูกๆให้หน่อยได้ไหม ดีไซน์ให้มันง่ายๆที่มันจะต้องไม่ใช้เงินมากนัก บอกอาจารย์ปัญญาว่า 3-4 ตัวอย่าเอาไปเลย เด็กเรียนรู้ไม่ได้อะไรมากหรอก เวลาถึงชั่วโมงเรียน เด็กเขาจะได้ใช้กันคนละอันไปเลย
ด้านอาจารย์ปัญญา ลิ่มสงวนแห่งโรงเรียนบ้านน้ำเค็มนั้น คุณนุกุลบอกว่ารู้จักกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยที่คุณนุกูลยังไม่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เสียอีก อาจารย์ปัญญามีความรักในด้านศิลปะ แต่ความไม่พร้อมทางครอบครัว ทำให้ต้องไปเรียนในระดับ ปวช.ด้านก่อสร้าง
แต่ก็ใช้ความรักในศิลปะไปประกอบอาชีพรับจ้างเขียนป้ายโฆษณา และโปสเตอร์หนังเรื่อยมา พร้อมกับรับหน้าที่เป็นครูสอนศิลปะในโรงเรียนระดับประถมของจังหวัดพังงา ในหลายพื้นที่ จนกระทั่งย้ายมาสอนที่โรงเรียนบ้านน้ำเค็มในที่สุด สอนที่โรงเรียนบ้านน้ำเค็มได้ 9 ปีแล้ว และที่อื่นๆอีกรวมกันก็กว่า 23 ปี โดยเป็นครูสอนศิลปะตลอดมา
จนกระทั่งเวลานี้โรงเรียนบ้านน้ำเค็มมีการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่ถึงชั่วโมงเรียนศิลปะทีไรก็เป็นไปด้วยความขลุกขลัก นักเรียนต้องแปลงโต๊ะเรียนที่เคยเรียนวิชาอื่นใช้เป็นพื้นที่เรียนศิลปะ ขณะที่วัสดุอุปกรณ์ในการเรียนศิลปะก็ยังมีไม่เพียงพอ เพราะงบที่ได้มาจากรัฐบาลในแต่ละปี ต้องแจกจ่ายไปให้กับภาควิชาอื่นๆด้วย
เมื่ออาจารย์ปัญญาได้พบกับคุณนุกูล ได้บอกเล่าและแลกเปลี่ยนถึงเป้าหมายของการสอนศิลปะของตน ที่อยากเห็นเด็กๆ ได้เรียนศิลปะกันอย่างเต็มที่ ขณะที่คุณนุกูลเองก็จำภาพของตัวเองสมัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมได้ว่า ได้เรียนศิลปะเพียงอาทิตย์ละชั่วโมงเท่านั้น หนำซ้ำเวลานั้นก็ยังไม่รู้ด้วยว่าวิชาศิลปะคืออะไร เพียงแต่คราวใดที่หวนระลึกถึง จำได้ว่าเคยเป่าสีเล่นกับเพื่อนๆ ด้วยความสนุก
ถึงวันนี้ได้เดินทางตามเส้นทางที่ตัวเองรักและถนัด คือการทำงานศิลปะ เมื่อได้มองย้อนกลับไปก็ไม่เคยลืมถึงความยากลำบากของเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ต้องดิ้นรนเข้าเมืองกรุง เพื่อที่จะได้เรียนศิลปะ ขณะที่ครอบครัวทางบ้านก็แทบไม่มีเงินเหลือติดบ้านอยู่แล้ว เพราะต้องบอบช้ำกับปัญหาการประกอบอาชีพเช่นชาวบ้านรายอื่นๆ ในยุคที่ผู้คนตื่นตากับแร่หนึ่งกระป๋องนมที่มีราคาหลักร้อย
เรือสองลำที่เคยใช้ประกอบอาชีพ ก็ถูกคลื่นซัดหายไป แม้เวลานั้นมันมิใช่คลื่นยักษ์สึนามิ แต่ก็มีพลังมากพอที่จะทำให้ครอบครัว ซึ่งมีพ่อ แม่ พี่สาวและพี่ชาย ต้องตกอยู่ในภาวะที่ต้องลำบากอย่างมาก ต้องไปรับจ้างร่อนแร่กับธุรกิจของชาวบ้านคนอื่นที่ยังมีอยู่ คุณนุกูลจึงเข้าใจลึกซึ้งดีว่า การมีห้องศิลปะที่ดีนั้นมีความจำเป็นสำหรับเด็กๆมากแค่ไหน
ดังนั้นคุณนุกูลมีความตั้งใจที่จะใช้เงินที่ลูกศิษย์บริจาคมา ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากมีห้องศิลปะแล้ว ก็ได้เสนอให้โรงเรียนบ้านเค็มทำห้องสมุดขึ้นด้วย ขณะที่ตนจะขอบริจาคหนังสือจากเพื่อนฝูง คนรู้จักและคนที่พร้อมจะช่วยเหลือ ไปให้เด็กๆได้มีหนังสือดีๆไว้อ่านกัน
เวลานี้ตัวอาคารห้องศิลปะและห้องสมุดซึ่งอยู่ในอาคารหลังเดียวกัน จากการสอบถามไปทางโรงเรียนบ้านน้ำเค็ม การก่อสร้างมีความก้าวหน้าไปกว่า 70 % แล้ว ทางครูศิลปะแห่งบ้านเค็ม อย่างอาจารย์ปัญญาก็ได้แจ้งให้ทราบว่า กำลังติดต่อเพื่อนฝูงที่มีความรู้ในเรื่องการทำผ้าบาติก มาช่วยสอนการทำบาติก เพื่อเสริมในวิชาเรียนศิลปะให้กับเด็กๆด้วย
หลายๆอย่างกำลังเดินหน้าขับเคลื่อนไปด้วยดี ใครที่ต้องการช่วยเหลือเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆร่วมกัน และอยากช่วยสานฝันให้ห้องศิลปะและห้องสมุดแห่งโรงเรียนบ้านน้ำเค็มเป็นจริง ติดต่อไปได้ที่คุณ นุกูล ปัญญาดี โทร. 0-1811-1613
|