ภาพของคนรักฝน
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
ผมเป็นอิมเพรสฯ ผมชอบที่จะรับพลังจากแสงอาทิตย์แล้วส่งพลังเหล่านั้นมาสู่ชิ้นงานเหมือนแวนโก๊ะ
หากวันไหนไม่มีแสง หรือฝนตก วันนั้นผมจะไม่ทำงาน ชอง ฮอน ฟัต ศิลปินชาวปีนัง
เคยบอกไว้เช่นนั้น
แต่ฤดูที่ฝนโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายเช่นนี้ คงยากที่จะมีศิลปินคนไหน
ซึ่งรักการสาดแสงของดวงอาทิตย์เป็นนักหนา พอใจที่จะนั่งลงวาดภาพ ได้โดยไม่บ่นเบื่อเรื่องฝนตก
รวมถึงบรรดานักถ่ายภาพก็เช่นกัน เรื่องของแสงเป็นเรื่องที่ต้องรีบช่วงชิง
เวลานึกอยากจะลั่นชัตเตอร์เก็บภาพบางภาพ
บ่อยครั้งที่ฉันเห็นช่างภาพหลายคน ทำหน้าเสียอารมณ์ พร้อมกับเอ่ยปากบอกว่า
แสงไม่มีเลยว่ะ ขณะยืนอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์สวยๆ แต่ทว่าวันนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าช่างอับแสงเสียเหลือเกิน
เรื่องของฤดูกาลเป็นเรื่องที่ว่ากันไม่ได้ เพราะเข้าเดือนหก ฝนก็ย่อมต้องตก
พรำพรำ อย่างที่ในเพลง ฝนเดือนหก ของ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ เขาร้อง
ในยามที่ฝนตกช่วงเป็นเวลาที่ต่อมความเหงาของมนุษย์ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
จึงไม่ต้องแปลกใจที่มีใครบางคนนั่งทำหน้าอ้อยสร้อย มองออกไปนอกหน้าต่าง
นึกอะไรไปได้ไกลโพ้น
และมีไม่น้อยที่บีบน้ำตาออกมาแข่งกับสายฝน เป็นข้อเท็จจริงที่ใครหลายคนไม่กล้ายอมรับ
เพราะกลัวจะถูกประณามว่าช่างเป็นคนที่อินกับดินฟ้าอากาศเสียเหลือเกิน
คงจะดีไม่น้อยถ้ามีศิลปินหรือใครซักคนลุกขึ้นมาแปรความเหงาเป็นงาน
ฉันมีเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งจะเล่าให้ฟัง...
เธอไม่ใช่คนทำงานศิลปะ ในนิยามที่วัดกันโดย การทำมาต่อเนื่องยาวนาน
หลังจากที่ได้รับคำตอบจากแพทย์แน่ชัดแล้วว่า ชีวิตนี้ เธอไม่สามารถที่จะลุกขึ้นเดินเหินได้เหมือนคนปกติทั่วไป
คลายจากความโศกเศร้า เธอพยายามมองหาอะไรสักอย่างทำ เพื่อเป็นการเติมเต็มชีวิตให้ดูมีค่าและไม่น่าเบื่อหน่ายเสียจนเกินไป
เธออ่านพบถ้อยคำบอกเล่าของกวีหญิงคนหนึ่งที่มีคุณพ่อเป็นอัมพาต ในหนังสือรวมปาฐกถาเรื่อง
ดุลยภาพแห่งชีวิต และถ้อยคำเหล่านั้น มันก็ทำให้เธอเรียกพลังของชีวิตที่เคยมีคืนมาได้มากขึ้น
คุณพ่อของกวีหญิงคนนั้น มีงานอดิเรกด้วยการถ่ายภาพทางหน้าต่างห้องนอน
มุมเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถ้าเป็นคนที่มีร่างกายปกติ คงไม่มีใครหลงใหลที่จะถ่ายภาพมุมเก่ามุมเดิมตลอดไปใช่ไหมคะ
แต่เพราะว่าชายคนนั้นพิการ สายตาของเขาจึงได้มีโอกาสหยุดมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลา
ตรงหน้า
ราวตากผ้านอกหน้าต่าง บางเวลามีผ้าตากอยู่เต็มไปหมด บางเวลามีนกบางตัวบินมาเกาะ
บางเวลาแสงบางแสงสาดลงมาไม่เท่ากัน และบางเวลาที่ผ้านั้นเปียกฝน มุมๆเดิม
แต่ภาพไม่เคยซ้ำ
โชคชะตาของชีวิตที่ไม่อยากรับไว้ เกิดกับผู้หญิงคนหนึ่งของฉัน ในช่วงฤดูฝน
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เคยอ่าน เธอก็ขอนำบางเสี้ยวตอนมาปรับใช้กับชีวิตตัวเองบ้าง
ทุกวันเธอเห็นคนที่บ้านกลางร่มและสวมรองเท้าแตะลุยน้ำออกไปทำงานและทำธุระนอกบ้าน
ยามที่ร่มสีสวยหลากสีของคนในบ้านและบรรดาหลานๆ ถูกนำกลับมาตากเรียงกันไว้เต็มลานซีเมนต์หน้าบ้าน
เธอมีความสุข และนึกอยากจะวาดภาพ
ยามที่ร่มไม่อยู่ แต่มีเพียงฝนเท่านั้น ที่ไล่เสียงลงมาตามหลังคาบ้านให้ได้ยิน
จากตกเบาๆก็เริ่มตกหนักเข้า.. และหนักเข้า
ภาพของฝนที่ตกลงสู่พื้น กระดอนขึ้นเป็นดอกฝนบานสะพรั่ง สวยงามได้ไม่แพ้ไม้ดอกตามต้นเช่นกัน
...และเธอก็เลือกถ่ายภาพเก็บไว้
บางครั้งฉันเคยแลกเปลี่ยนกับเธอ หน้าฝนเช่นนี้ถ่ายรูปโอ่งก็สวย หรือยิ่งเป็นตุ่มดินเผาแบบดินดิบ
โดนฝนแล้วน่าจะให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำดี
เธอเห็นด้วย พร้อมกับแสดงความเห็นว่า อย่างนี้ใครที่มีโอ่งราคาแพงๆ
เก่าเก็บ แทนที่จะเก็บไว้โชว์ น่าจะลองเอามาตั้งตากฝนดูนะ คงจะสวยมากขึ้นทีเดียว
ฉันนึกถึงได้แต่หัวเราะในใจ จะมีนักสะสมโอ่งรายไหน ช่วยทดลองทำตามจินตนาการของเธอไหมนั่น
แต่เข้าใจว่าเธอคงเกิดอาการรักฝนเข้าแล้ว
คราวหนึ่งที่ได้ร่วมทริปไปดูศิลปินอบรมเรื่องศิลปะบำบัด ให้กับกลุ่มคนรักสุขภาพที่อยุธยา
นอกจากกิจกรรมวาดภาพ วันนั้นทุกคนมีกิจกรรมที่ต้องเต้นออกกำลังกายกันด้วย
และแล้วฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ มีลานโล่งแค่ไหนก็ไม่สามารถใช้การได้ จนในที่สุด
ต้องเคลื่อนย้ายกันไปอาศัยเรือนขุนแผน ทำกิจกรรม
ขณะที่พอสมควรกับการเก็บภาพ ของบรรดาคุณแม่บ้านที่กำลังสนุกกับการทำงานศิลปะ
และออกกำลังขยับแข้งขยับขาไปตามเพลงลูกทุ่ง หมดแรงฉันก็นั่งแหม่ะลงตรงข้างเสาเรือนต้นใหญ่
ทีแรกจะของีบหลับสักพัก เหลือบไปเห็นโอ่งใบหนึ่งที่ถูกยกขึ้นไปประดับไว้บนเรือนขุนแผนเพื่อสร้างบรรยากาศ
... ฉันนึกถึงเธออีกครั้ง
โอ่งใบนั้นถูกถาโถมด้วยแรงน้ำจากหลังคา อยู่พักใหญ่ พอฝนเริ่มอยู่ในช่วงรักษาจังหวะ
แค่โอ่งลายมังกรธรรมดา
ก็สวยงามขึ้นด้วยเพราะฝนทันทีทันใด
|