ปั้นฝัน จึงปั้นดิน
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
ปั้นฝันจึงปั้นดิน
ฝันจักรินจากดวงตา
สองมือประคองมา
แปรปรุงฝัน.. ปั้นเป็นตัว
เออเจ้าฝันนั้นเช่นไร
ประคับไว้ ประคองถือ
มือจีบจับรับนิ้วมือ
ก่อรูปเกิดจากผืนดิน
หมายมั่นปั้นมือ จึงมือปั้น
มาดสมาธิมั่น คือปั้นใจใสใส
แต่งก้อนดิน แลแต่งลงประจงใจ
หยิบออกฤาเพิ่มให้..ใจสมดุล
นก ปักษนาวิน เพื่อนฉันเคยมีตีพิมพ์กวีบทนี้ลงในนิตยสาร สานแสงอรุณ เมื่อหลายปีก่อน มันอาจไม่ใช่บทกวีสูงค่าหรือสวยด้วยภาษาอะไรมาก แต่มันก็เป็นหนึ่งในจำนวนบทกวีหลายๆบทที่ฉันชอบ และอยากจะแบ่งปันให้ใครได้อ่านเสมอ
บ่อยครั้งที่ฉันส่งกวีบทนี้ ให้กับศิลปินซึ่งทำงานปั้น ที่ฉันได้มีโอกาสได้พูดคุยด้วย เพราะฉันเชื่อว่า ขณะที่พวกเขาลงมือทำงาน คงมีบางช่วง บางอารมณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายๆกับเนื้อหาในบทกวี
พอจะจำได้ไหมคะว่า มือที่เรียวนุ่ม หรือหนาด้านของเรานั้น ห่างเหินจากการสัมผัสดิน นวดดิน สักนานเท่าไหร่แล้ว
อยู่ๆ ฉันก็คิดถึงชั่วโมงเรียนปั้นครั้งเป็นนักเรียนชั้นประถมของตัวเองขึ้นมา มีหลายๆอย่างให้นึกถึงมากกว่าเรื่องที่ว่าก่อนหน้านี้ ฉันชอบปั้นอะไร
คิดถึงถิ่นที่มาของดินที่เคยไปล้วงไปขโมยจากห้วยหนองคลองบึง แล้วหิ้วใส่ถุงกลับบ้าน ก่อนจะนำมาส่งให้ครูตรวจในวิชาเรียนอีกรุ่งเช้า
คิดถึงดินบางชนิด ที่มีหิน มีกรวดก้อนเล็กๆ ปนมาเกินพอดี นวดทีตำนิ้วที บวมแดงไปทั้งมือ ... ยังจำได้ ดินสีส้มแดง
คิดถึงเพื่อนตัวตัวเล็กร่างบาง ที่เคยยกดินเทินไหล่ มาอวดกันว่า ดินของฉันเป็นดินดี แต่พอถึงชั่วโมงเรียน ใช้น้ำพรมสักกี่ที ดูเหมือนว่าดินของเพื่อนจะไม่ยอมฟื้นให้มือปั้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้
เหงามือ บางครั้งเคยคิดๆ จะไปซื้อดินน้ำมันมาปั้นเล่น พอนึกถึงกลิ่นฉุนๆที่เจืออยู่ในเนื้อดินน้ำมัน ก็ต้องเปลี่ยนใจ
และเมื่อมองเห็นความผอมบางในแพกเกจสวย ที่แลกมาด้วยเงิน ดูท่าว่าจะปั้นเล่นพลาง ปาเล่นพลาง เหมือนดินเหนียวที่เคยหาได้ฟรีๆจากท้องนา คงไม่ได้แล้ว
หรือจะแอบทุบพื้นซีเมนต์ของป่าคอนกรีตซักจุด พอเป็นรูล้วงดินขึ้นมาได้
แต่คงเจออะไรแบบไม่พึงปรารถนาเสียมากกว่านะสิ ...หมดอนาคตประติมากรสมัครเล่นก็ด้วยประการฉะนี้
ก็ใครเขาบอกเธอ มาล้วงรูหาดินแบนสิ้นคิดอยู่อย่างนี้ ประติมากรตัวจริงเขาว่า
แล้วพวกคุณเอาดินมาจากไหน ที่ปั้นขาย ปั้นเป็นงานสร้างสรรค์กันอยู่ทุกวันนี้ ไม้ได้คิดจะเป็นศิลปินแข่งหรอกนะ แค่จะเป็นเล่นเพลินๆเท่านั้น
..
แล้วฉันก็ถึงบางอ้อ ดินดีๆเพื่อสร้างงานที่ดี มาจากหลายที่หลายทางเหลือเกิน
อย่าง ดินปากเกร็ด ซึ่งเป็นดินตะกอน และมีความเหนียวตัวสูง นั่นแหล่ะคือแหล่งที่พวกประติมากร เขาไปซื้อมาปั้น
ส่วนดินราชบุรี ดินหางดง ดินบ้านถวาย ดินทางภาคเหนือ ว่ากันว่าใช้ เพื่องานปั้นดินเผา
อันนี้เป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆที่ฉันได้ยินได้ฟังจากการสอบถามกับบรรดาประติมากรและศิลปินเซรามิก เพียงบางคนเท่านั้นนะคะ คงมีแหล่งดินอีกหลายแหล่งมากกว่านี้ ที่รอการค้นพบ เพื่อนำมันมาสร้างสรรค์เป็นงานที่นิยามกันว่า ศิลปะ
คุณๆเคยคิดกันไหมคะว่า นอกจากอากาศที่เราเคยคิดกันว่าต่อไปจะไม่มีให้เราได้สูด ได้หายใจ ยังมีอะไรอีกบ้างสามารถจะหมดไปจากโลกนี้
ไปอยู่ที่ไหนมาก็ไม่รู้ ฉันเพิ่งจะรู้ว่า ดินก็มีวันหมดไปได้ด้วย อย่างเช่นดินเหนียวนี้ ว่ากันว่า เมื่อหมดไปแล้วก็จะต้องใช้เวลานานเป็นร้อยล้านปี กว่าที่จะมีการทับถมเพื่อให้เกิดทดแทนใหม่ได้
นึกแล้วก็จินตนาการไปถึงตอนสมัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมไว้ผมหน้าม้าอีกครั้ง
ตอนที่ฉันนั่งอยู่ริมขอบบ่อปลาของโรงเรียน รอรับดินเหนียวที่เพื่อนค่อยๆล้วง แล้วส่งให้ฉันใส่ถุง
พวกเราใช้ดินตรงนั้นทำงานปั้นกันอยู่บ่อยๆ จนที่ล้วงเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่
เวลานั้นพวกเรานึกไม่ถึงหรอกค่ะ ว่าดินจะหมดไป รู้สึกตามประสาเด็กเฉพาะว่า ถ้าเกิดเหตุร้ายอย่างเช่นระเบิดลง เหมือนในหนัง พวกเราจะลองเข้าไปหลบในโพรงนั้นดูสักครั้ง
พร้อมๆกับสิ่งที่เราปั้น และโตขึ้นฝันอยากให้เป็นจริงได้
|