ถ้าเรารักมัน มันก็เป็นของเรา
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
The Dream of New Generation โดย Dr.Choong Yew Keong
คงมีบ้างบางอารมณ์ ที่เราอยากจะครอบครองบางสิ่งบางอย่างให้เป็นของเราอย่างชอบธรรม
สิ่งนั้นอาจจะเป็นทั้งสิ่งที่มีตัวตนหรือเป็นแค่สิ่งของที่อยู่รายรอบตัวเราก็ได้ ซึ่งเราก็มักนึกเอาเองว่า เมื่อเราได้ครอบครองมัน ชีวิตเราจะมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก
เชื่อไหมว่า บางทีโลกก็เหมือนจะขีดมา ให้เราลองไม่ได้ในสิ่งที่เราอยากจะได้มันบ้าง
หรือถ้าได้มาก็ช้ากว่าที่ใจเราหมุนเสมอ
เหมือนต้องการจะทดสอบว่า สิ่งที่เราต้องการครอบครองมันนั้น เรารักและลึกซึ้งกับมันอย่างแท้จริงหรือไม่
มีคนทำงานศิลปะที่ฉันรู้จักบางคน เคยหลุดประโยคๆหนึ่งมาอย่างตั้งใจ ขณะสนทนากับฉันว่า ถ้าเรารักมัน มันก็เป็นของเรา
ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรใช่ไหมคะ แต่สำหรับฉัน ฉันรู้สึกว่ามันเป็นของขวัญของถ้อยคำ
มีคุณค่ามากกว่าผลงานชิ้นรื่นรมย์ ที่ศิลปินคนนั้นติดไว้โชว์ที่ผนัง
ทั้งที่ประโยคที่ศิลปินว่าออกมา เขากำลังอธิบายบางมุมของตัวเขาเอง ซึ่งต้องการจะได้สถานที่พักพิงชีวิตบางทีเป็นของเขาโดยชอบด้วยกฎหมาย
จึงต้องใช้ประโยค ถ้าเรารักมัน มันก็เป็นของเรา ควบคุมแรงปารถนา อยากได้ - อยากเป็น ปลอบใจตัวเองไปพลางๆก่อน
พอฉันเอาไปคิดต่อ และนึกถึงสิ่งที่เคยอุปโลกน์ว่าฉันรักมันและขณะเดียวกันก็อยากครอบครองมันอย่างมาก
ฉันกลับอยากพาใจกระโดดออกไปมองมันเสียเฉยๆ
หนำซ้ำ สิ่งที่ฉันเคยคิดว่า ชีวิตนี้มันไม่มีทางเป็นของฉันได้ มันก็พลอยเป็นของฉันได้อย่างง่ายดาย
หากแต่อยู่ในวงล้อมของอาณาจักรใจ มิใช่ยึดไว้ด้วยมือ หรือมีเอกสารสิทธิ์รับรอง
คิดเช่นนี้ ฉันไปทะเลที่ชอบ หรือไปที่ไหนๆ ด้วยความสุขมากกว่าครั้งเก่านัก
ทุกๆที่ที่ฉันเดินผ่าน มันเป็นของฉัน และของฉัน ....ไม่มีสิ้นสุด
แม้เป็นเขตหวงห้าม ฉันก็จะใช้ตามอง แม้ไม่ได้อยู่ใกล้ ฉันก็จะใช้ใจระลึกถึง
เท่านั้นเองเพียงแค่ใจเรารักมัน ไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม
ว่าไหมคะ บางครั้งคุณค่าของศิลปะมันไม่ได้อยู่แค่ที่ตัวผลงาน
แต่มันยังรวมถึงวิธีคิดของเจ้าของงาน กระบวนการบางขั้น ภาวะบางภาวะ ที่มันอาจเข้ามาแทรกซึมอยู่ในบางอารมณ์ของเราได้เสมอ ถ้าเราลองหยุดคิดกับมัน
บางเวลา ภาพบางภาพ คำบางคำ ของศิลปินบางคน ก็ส่งใจฉันไปฟังเสียงโลกในด้านดีอยู่บ่อยๆ
และนี่คือสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ฉันหลงรัก ในสิ่งที่บางครั้งบางคราวนิยามมันไม่ได้เอาเสียเลย
แต่ก็พอรู้ว่า มันมีต้นตอมาจากไอ้สิ่งที่เรียกกันว่า ศิลปะ
ยามที่ตาได้จ้อง มือได้สัมผัส ไม่ว่ากับงานแนวไหน ที่สร้างขึ้นในนามศิลปินใดในโลก
สีบางสี รูปทรงบางรูปทรง คล้ายว่าฉันกับสิ่งหนึ่งนั้น มีจิตสัมพัทธ์ต่อกันโดยไม่รู้ตัว
เมื่อรู้ตัวว่าอาการเช่นนี้เกิดขึ้นได้กับตัวเอง ขณะที่ยังมีสติสัมปชัญญะก็ยังอยู่ครบ
ความอิ่มสุขอันแปลกประหลาด เอ่อล้นออกมาอาบกายให้กระปรี้กระเปร่า
ฉันมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า สารแห่งความรัก ซึ่งในที่นี้หมายถึงรักในสิ่งใดก็ได้ มันหลั่งออกมาจากตัวเรามากที่สุด
หาใช่ถ่ายเทจากคนอื่นสู่ตัวเราเป็นศูนย์กลางใหญ่
สารนี้อาจต้องใช้ศิลปะในการมองเห็น มาจากที่ทางใด จับต้องได้ไหม ไม่มีใครรู้
แต่ที่แน่ๆ สัมผัสและรับรู้ได้ ผ่านใจที่นิ่งฟัง
ถ้าเรารักมัน มันก็เป็นของเรา
|