แรกรู้จัก
พู่กันสัญจร
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
|
ทริปการเดินทางบางทริปอาจจะน่าเบื่อหน่าย ถ้าไม่มีกิจกรรมละลายพฤติกรรมเข้ามาเป็นตัวช่วย โดยเฉพาะการที่บุคคลในทริปยังไม่รู้จักคุ้นเคยกันดีเท่าไหร่นัก แถมยังต้องมาเดินทางไกลร่วมกัน บนรถคันเดียวกัน แวะปั้มเดียวกัน และที่สำคัญไม่ค่อยประทับใจในการแรกรู้จักเอาเสียเลย หรือพูดง่ายๆอีกก็คือไม่ใคร่ถูกชะตา เธอหรือเขาคนนั้นที่บังเอิญว่าโลกเพิ่งได้โคจรให้เราได้มาพบกัน
ฉันเดินทางกลับจากการไปร่วมกิจกรรมสร้างห้องศิลปะ ให้กับโรงเรียนบ้านน้ำเค็ม จ.พังงา ด้วยการเป็นผู้อาศัยขอติดรถของมิตรศิลปินกลุ่มหนึ่ง ซึ่งความจริงจะยอมใจแข็งเอ่ยปากปฏิเสธให้ฉันกระเสือกกระสนหาวิธีเดินทางกลับเองก็ย่อมได้ เพราะถ้าไม่มีฉันทั้งคน เหล่าท่านๆ ก็นั่งสบายก้นกว่าเยอะ แต่ทว่าตรงกันข้าม
ท่านแรกนั้นคือ คุณธานินทร์ จันทรีศรี ศิลปินมาดสุขุมพูดน้อย กว่าที่จะฉีกยิ้มออกมาให้ใครเห็นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านที่สอง คุณพรชัย เลิศธรรมศิริ เจ้าของรถและเป็นคนขับตลอดเส้นทาง ซึ่งฉันเคยคุ้นชื่อมาบ้าง แต่ยังไม่เคยได้เห็นงานมาก่อน ที่เร็ววันนี้ฉันจะนำงานของเขามาให้ผู้อ่าน ผู้จัดการแกลเลอรี่ ได้รู้จักกัน ซึ่งไม่แน่ก็ได้ว่าภาพเขียนของเขา อาจจะทำให้ใครบางคนมิอาจลืมความหอมกรุ่นของเครื่องดื่มยอดนิยมที่เรียกว่า กาแฟ ไปได้
และอีกท่าน คุณนิภา ชุมสะอาด เจ้าของเรือนไทยโฮมสปา ศิลปินสมัครเล่น ผู้รักการเดินทางและการเขียนรูปไม่น้อยไปกว่ากัน และเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม พู่กันสัญจร ร่วมกับคุณพรชัย และสมาชิกอีกหลายท่านจากต่างสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หมอ นกดูนก ฯลฯ ที่นิยมแวะนอนรีสอร์ส ราคา 30 บาท อย่างเช่นการกางเต้นท์เสพชมธรรมชาติ
หลังจากที่พวกเราสนทนาว่าด้วยเรื่องไม่หวาน ของชาวบ้านน้ำเค็ม ซึ่งได้ไปเห็นไปสัมผัสมา กันมาได้ระยะหนึ่ง ขณะที่รถวิ่งเข้าเขต อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี เลยสถานที่ท่องเที่ยวอย่างวัดถ้ำปลามาได้ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร สมาชิกทั้งสามท่าน ก็มีมติว่าสมควรหยุดรถ โดยมี น้องไอส์ ลูกชายคุณพรชัยยกมือเห็นด้วยทันควัน เพราะทิวทัศน์งามๆที่รายรอบมาตลอดระยะทางที่รถได้เคลื่อนออกจาก อ.ตะกั่วป่า มิอาจจะทำให้คนเดินทางผู้รักการจอดแวะเป็นระยะๆเร่งฝีเท่าเหยียบคันเร่ง รีบให้ถึงจุดหมาย
และแล้วแต่ละท่านก็หยิบอุปกรณ์เขียนรูปที่ติดตัวไปด้วยนอกจากสัมภาระเดินทางออกมาวางกับขอบทางที่มีรถสวนไปมานานๆครั้ง แม้จะเสี่ยงต่อการถูกเชี่ยวชนและโดนเหยียบถ้าเผอิญว่ารถใหญ่ที่วิ่งมาเกิดโชคร้ายเสียหลักแฉลบลงข้างทาง
ทว่าระเวลาราวหนึ่งชั่วโมงเต็มก็ทำให้แต่ละท่านได้รูปภูเขาที่เขียนด้วยเทคนิคสีน้ำ ติดรถเป็นภาระติดกลับบ้านอีกคนละหนึ่งชิ้น พอดิบพอดีกับที่ฉันคนวาดรูปไม่เป็นและน้องไอส์ผู้ชอบการสำรวจสถานที่ เดินวกกลับมาจากการไปแวะเที่ยวชมถ้ำปลา โยนอาหารให้ปลา เป็นอันเสร็จภารกิจอันรื่นรมย์เช่นกัน
คุณพรชัยกับคุณนิภาเล่าว่า พู่กันสัญจร ความจริงก็ไม่ได้ตั้งเป็นชื่อกลุ่มเพื่อแสดงงานศิลปะเช่นศิลปินทั่วไปอย่างเป็นทางการนัก แต่ใช้เรียกกันยามที่ต้องออกไปทำกิจกรรมต่างจังหวัด ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้เที่ยวไปด้วย ได้วาดรูปด้วย และได้ทำประโยชน์บ้าง
โหวตเสียงกันมาตั้งแต่ชื่อ พู่กันพเนจร ,พู่กันพาเที่ยว ฯลฯ สุดท้ายเสียงข้างมากก็เทคะแนนให้ พู่กันสัญจร มากสุด
ทริปแรกไปสระแก้ว ทริปสองแวะไปพิจิตร ทริปสามล่องลงทางใต้ไปเขื่อนปรานบุรี กระทั่งทริปสี่และห้าเลือกไปเยือนบุรีรัมย์ บ้างเอาอุปกรณ์เขียนรูปไปแจกเด็ก บ้างขนจักรยานไปให้ปั่น นึกเพี้ยนๆก็ลองเลี้ยงโต๊ะจีนดูบ้าง เพราะไปเยือนบ้างที่บางถิ่นกี่ทีต่อกี่ที คนไปเยือนก็ได้ต้อนรับแต่อาหารการกินที่ดีๆทุกครั้ง แต่เด็กๆที่มารอต้อนรับนั่นสิ ได้กินแต่ก๋วยเตี๋ยวผัดดูไม่ค่อยจะยุติธรรมนัก
ที่ไหนได้ โต๊ะจีนก็โต๊ะจีนเถอะท่าน เด็กบุรีรัมย์มีอันต้องส่ายหน้า เพราะกินข้าวไม่อิ่ม สู้กินข้าวเหนียวก็ไม่ได้ อยู่ท้องกว่าเยอะ
เดินทางออกจะจาก อ.พนม บทสนนาว่าด้วยเรื่องศิลปะและศิลปินก็ถึงคราวเริ่มต้น จากจากตะกั่วป่า เข้าสุราษฎร์ ถึงชุมพร แวะจอด แล้วออกวิ่ง ....จนถึงกรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรจนได้ในราวตีสาม จากแค่เปิดปากเล่าพอหอมปากหอมคอ ก็ค่อยๆ ขยับเป็นการเปิดใจเล่า อันไหนเปิดเผยไม่ได้ ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
จะหนักใจอะไรกันนักหนาก็แค่แรกรู้จัก จากความไม่ถูกชะตากลายเป็นความหนิดหนม เพราะได้แลกเปลี่ยนความคิดและแชร์ประสบการณ์ที่รับรู้มาต่างกัน แค่นี้ก็ดีถมเถแล้วว่าไหมชีวิต
|