คนบ้า หรือว่า ช่างจินตนาการ
เรื่องโดย....ฮักก้า
::
thinksea@hotmail.com
ภาพวาดปิกัสโซ่ โดย ดาลี
บางทีคำว่าบ้า กับคำว่าช่างจินตนาการ มันก็แยกออกจากกันได้ยาก
แต่ในกรณี ซาวาดอร์ ดาลี ฉันเห็นด้วยที่หนังสือบางเล่มบอกว่า เขาไม่เพียงเป็นผู้ทำให้โลกได้รู้จักกับงานศิลปะในแบบเซอร์เรียลลิสต์กันอย่างแพร่หลายสู่กว้างเท่านั้น
หากแต่เขายังเป็นผู้ที่ทำให้โลกนี้ รู้จักกับการวิวัฒน์ทางความคิด ศักยภาพทางความคิด และจินตนาการที่มีขึ้นได้อย่างไม่สิ้นสุด
ลองเอาภาพเขียนเพียงไม่กี่ภาพของดาลี มานั่งพินิจมอง เราคงไม่ต้องเสียเวลามานั่งถกกันให้เมื่อยด้วยซ้ำไป ว่าไอ้ระหว่าง จินตนาการ กับ ความรู้ อย่างไหนกันแน่ที่มันสำคัญกว่ากัน
เพราะถ้าดาลีไม่เป็นคนช่างคิดช่างจินตนาการการแล้วหล่ะก็ วันนี้เราอาจได้เห็นภาพที่ชื่อ วีนัส และ กะลาสี เป็นเพียงภาพที่ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่ง ยืนทำซึ้งกันบนเรือเท่านั้น
ไม่ใช่ภาพที่ใช้เทคนิคศิลปะแบบนีโอ-คลาสสิค คิวบิสซึม ผสมผสานจินตนาการข้ามยุคระหว่างตำนานเทพปกรณัมกับเรื่องในยุคสมัยใหม่เข้าด้วยกัน
เราอาจเห็นภาพของ ปาโปล ปิกัสโซ่ ที่ดาลีวาด มองเห็นว่าเป็นปิกัสโซ่ศิลปินดัง ไม่รู้สึกสนุกหรือจินตนาการไปได้มากมาย ว่าเหตุใดกันหนอ ดาลีถึงได้สื่อเพื่อนร่วมวงการออกมา ให้เป็นภาพที่มีปอยผมทะลุเข้าทางลำคอด้านหลัง พุ่งออกมาทางปาก กลายเป็นช้อนอาหารอันใหญ่ บนปลายลิ้นที่หักลง
หรือจะเป็นภาพชื่อ กำเนิดมนุษย์( The Birth of New Man),คุณพ่อขายาว (Daddy Long leg),สถาปัตกรรมการสวดมนต์(The Archiectural Angelus), ภาพตัวตัวเองกับชิ้นเบคอน(Self Portrait with Bacon) ฯลฯ ซึ่งมีแต่คนช่างจินตนาการหรือแกมบ้าเท่านั้นหรือวาดมันออกมาได้
ดาลีเคยกล่าวไว้เหมือนกันว่า เขาต่างจากคนบ้าก็เพียงแต่ว่าคนบ้านั้นบ้าจริง แต่เขาไม่ได้บ้าเท่านั้น
เขากล่าวมันออกมา เพื่อบอกกับผู้คนในกรณีที่มีผุ้วิจารณ์แนวคิดในงานของเขาหลังจากที่เขาได้ประกาศแนวงานในแบบ พารานอย แอค คริติคอล ของเขาออกมาได้ไม่นาน
มันคล้ายกับว่า เขายอมรับว่าเขาบ้า แต่คำอธิบายของเขาก็คือ ความนึกคิดในส่วนปกติที่มีจิตสำนึกของเขายังดีอยู่ แต่ความนึกคิดในส่วนลึกของเขานั้นต้องการจะทดสอบจิตใจให้รับรู้ในสภาวะที่ว่าบ้านั้นเป็นอย่างไร
โดยการปล่อยจิตให้ตกอยู่ในสภาวการณ์เช่นเดียวกับคนบ้า ในขณะที่สติส่วนดียังควบคุมได้อยู่
มีอยู่เหมือนกันที่มีบางคนบอกกับฉันว่า ไอ้ศิลปินคนนี้มันบ้า แต่ว่าดาลีจากโลกนี้ไปแล้ว เมื่อ 23 มกราคม คศ.1989 และฉันก็ได้รับรู้เรื่องราวของเขาผ่านประวัติชีวิตศิลปินและตามสื่อต่างๆเท่านั้น
ประมวลด้วยความรู้สึกนึกคิดของฉันเอง ที่ไม่รู้ว่ามีเชื้อบ้าอยู่มากน้อยแค่ไหน และบางครั้งก็เคยเอาเรื่องราวของดาลีเก็บไปฝันเป็นภาพฝันแบบเหนือจริงอยู่ถึงค่อนคืน
ฉันคิดว่าดาลีเป็นเพียงผู้มีจินตนาการเหลือเฟือที่พยายามเข้าไปใกล้ชิดภาวะแห่งความบ้าเท่านั้นเอง
หากเราย้อนไปศึกษาเรื่องราวของเขา เบ้าหลอมคิดอันนี้ มันมีมาตั้งแต่เขาเกิดขึ้นมา โดยที่พ่อและแม่ของเขาเชื่อว่า เขาเกิดมาเป็นตัวแทนของพี่ชายที่เพิ่งเสียชีวิตไป
การกลับชาติมาเกิดใหม่ของพี่ชายในร่างของเขา เมื่อถูกปลูกฝังความเชื่อนี้ลงในจิตสำนึกมากเข้า มันก็กลายเป็นความเชื่อที่ปักหลักแน่นอยู่ในใจเข้าในที่สุด
เขาถูกทำให้เชื่ออยู่เสมอว่า ในตัวเขานั้นมี 2 วิญญาณ .. วิญญาณของพี่ชายที่หล่อหลอมอยู่ในตัวเขา และวิญญาณของตัวเขาเอง
ความเชื่อนี้จุดให้ดาลีสนใจในสิ่งที่เร้นลับต่างๆ อันเป็นผลให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจต่อการทำงานศิลปะของเขาในเวลาต่อมาอย่างยิ่ง
ในเมื่อเด็กชายดาลีในวันนั้นเคยมีความเชื่อว่า เมื่อร่างของพี่ชายในตัวเขาเสียชีวิตลง ในตัวเขาก็คงเต็มไปด้วยของเน่าเปื่อย มีตัวหนอนไต่ยั้วเยี้ยอยู่
จึงไม่น่าแปลก ที่ดาลีในฐานะศิลปินจะช่างจินตนาการ ต่อเติมให้เนื้อหาในภาพของเขาเต็มไปด้วยความเหนือจริง และเหนือจริง
เมื่องานที่สื่อออกมาคือความเหนือจริง เป็นไปได้ที่ความคิด ตัวตนและบุคลิกบางอย่างของดาลี ก็อาจพลอยเหนือจริงไปบ้าง ผิดวิถีปกติที่มนุษย์ทั่วไปบางคนจะยอมรับ
แม้กระทั่งศิลปินกลุ่มเซอร์เรียลลิสต์ หรือพวกเหนือจริงด้วยกันเอง ก็ยังมองว่าดาลีนั้นทำงานเกินขอบเขตของปรัชญาแห่งเซอร์เรียลลิสต์ รวมกันเข้ากับความคิดแย้งทางสังคมและการเมือง ดาลีจึงถูกขับออกจากกลุ่มไปในที่สุด
คนที่มีโอกาสไปเที่ยวต่างแดนบ่อยๆ มีโอกาสแวะไปเยือนเมืองฟิเกเรส ของสเปน ซึ่งวันนี้ถูกประดับประดาตกแต่งอย่างลานตาไปด้วยศิลปะตามแบบอย่างของดาลี จนทำให้ฟิเกเรสเป็นสถานที่เที่ยวขึ้นชื่อของสเปน
สัมผัสด้วยตาตัวเองเถิดว่า พลังแห่งบ้า กล้าแหวกแนวนั้น มันสำคัญไฉน
|