สมัยรัตนโกสินทร์
รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ก็มีการเล่นหุ่นจีนเช่นกัน
และนิยมประชันกับหุ่นไทยหรือหุ่นชาติอื่นๆเหมือนในสมัยกรุงธนบุรี
ดังที่พระชำนิโวหารกล่าวถึงมหรสพสมโภชวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ไว้ในโคลงสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ตอนหนึ่งว่า
หุ่นไทยปชันหุ่นงิ้ว จีนเขียน
หน้านา หุ่นจีนนี้บางทีก็เล่นตามช่องระทา
(บริเวณว่างระหว่างหอคอยที่ตั้งไว้เพื่อจุดดอกไม้เพลิง)
พระราชนิพนธ์ อิเหนา ใน
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
กล่าวถึงหุ่นจีนตามช่องระทาเป็นมหรสพอย่างหนึ่งในตอนอภิเษกอิเหนา
และราชบุตรราชธิดาสี่นคร แสดงว่าในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น
มีหุ่นจีนเป็นมหรสพอย่างหนึ่งด้วย
ในรัชกาลต่อมามีหลักฐานมาโดยตลอดว่าหุ่นจีนเป็นมหรสพที่นิยมกันในงานต่างๆ
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงกับมีการเก็บภาษีการแสดงหุ่นจีนเท่ากับหุ่นไทยคือเล่นวันหนึ่งเสียภาษี
๑ บาท หลักฐานต่างๆเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าก่อนที่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญจะโปรดให้สร้างหุ่นจีนขึ้นนั้น
หุ่นจีนเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมาแล้ว
จึงอาจเป็นแรงบันดาลพระทัยให้ทรงสร้างหุ่นจีนเป็นของพระองค์เอง
หุ่นจีนที่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญโปรดให้สร้างขึ้นนั้น
เป็นหุ่นผ้าสูง ๑ ฟุตเศษ
เท่าที่เหลืออยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมีจำนวน
๑๓๗ ตัว แต่ละตัวมีความสูงไม่เท่ากัน
ตัวที่เล็กที่สุดสูง ๒๓ ซ.ม. ที่ใหญ่ที่สุดสูง
๔๔.๑ ซ.ม. ส่วนใหญ่เป็นหุ่นผู้ชาย
มีหุ่นผู้หญิงเพียง ๕ ตัว หุ่นพวกนี้แต่งตัวเหมือนงิ้วสวมเสื้อผ้ายาวถึงเท้า
คงจะเหมือนกับหุ่นจีนที่มีมาก่อน
หุ่นจีนนี้เสื้อผ้าสีสันต่างๆ
เครื่องแต่งกายบ่งถึงฐานะของหุ่น
มีฮ่องเต้ ขุนนาง นักรบ คนสามัญ
ตัวตลก ฯลฯ ตัวที่สูงศักดิ์มีเสื้อผ้าประณีต
ลวดลายละเอียดงดงามมีเครื่องประดับ
พวกนักรบถืออาวุธต่างๆ เช่น ดาบ
ขวาน ตัวตลกนั้นบางตัวหัวเราะจนเห็นฟัน
เสื้อผ้าสีน้ำเงินขาว ไม่มีเครื่องประดับ
ใบหน้าของหุ่นมีแตกต่างกัน บางตัวเขียนหน้าแบบงิ้ว
บางตัวเป็นหน้าคนธรรมดา บางตัวมีหัวเป็นเสือ
ควาย ช้าง หมู หรือมีปากเป็นนก นัยน์ตาหุ่นจีนของกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญนี้กลอกไปมาไม่ได้
กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทรงพระราชนิพนธ์บทเล่นหุ่นด้วย
เป็นเรื่องจีนแต่บทเป็นภาษาไทย
เท่าที่มีนำมาตีพิมพ์มีเรื่อง ซวยงัก
ตอนกิมงิดตุดตีเมืองลูอันจิวแตก
เล็กเต็งเชือดคอตาย และเรื่องเบ็ดเตล็ด
ตอนหลวงจีนเจ้าชู้เกี้ยวผู้หญิง
การแสดงหุ่นจีนของกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญนั้นเจรจาภาษาไทยเป็นส่วนใหญ่
และเจรจาภาษาจีนแทรกเป็นระยะๆ
เมื่อพิจารณาจากหน้าตาของหุ่นตัวอื่นๆแล้ว
เข้าใจว่าเรื่องที่เล่นคงมีอีกหลายเรื่อง
และคงเป็นเรื่องที่ใช้แสดงงิ้วนั่นเอง
ส่วนดนตรีที่ใช้ประกอบคงเป็นแบบงิ้ว
แต่อาจไม่ใช้มากเพราะเล่นเจรจาเป็นพื้น
ลักษณะหุ่นจีน การปักเย็บเครื่องแต่งกาย
ปักด้วยไหมทองตรึงเป็นลวดลายอันวิจิตรประณีต
เป็นลายมังกรบ้าง ลายคลื่นบ้าง
แซมด้วยไหมสีต่างๆ ไม่มีการปักด้วยดิ้นโปร่งเงินหรือทองอย่างที่ชุดของโขนละครใช้
ส่วนเลื่อมขนาดเล็กมีใช้บ้างประปราย
เครื่องประดับศีรษะประดับลวดลายด้วยรักตีลาย
ปิดทอง และประดับกระจกเกรียบเช่นเดียวกับหุ่นไทย
เพียงแต่มีลวดลายออกไปทางจีนเท่านั้น
นอกจากนี้
หุ่นชนิดนี้ยังมีขาโผล่ออกมาจากชายเสื้อด้านล่าง
ซึ่งใช้นิ้วบังคับให้ขาเคลื่อนไหวได้ในบางบทบาท
มือหุ่นทำด้วยไม้แกะเป็นมือ มีนิ้วสี่นิ้วที่กระดิกพับได้พร้อมๆกัน
คือนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อย
ส่วนนิ้วโป้งกางอยู่เฉยๆ นอกจากมือที่กำอาวุธจะเป็นมือถาวรกระดุกกระดิกไม่ได้
ที่มา : "หุ่นไทย" โดย อาจารย์ จักรพันธุ์ โปษยกฤต
|
Copyright © 2000 ANURAKTHAI.COM All Right reserved